
ประโยชน์ของแอปเปิ้ลแดง ผลไม้มหัศจรรย์
ประโยชน์จากการกินแอปเปิ้ลแดงจะช่วยให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้น มีวิตามินและแร่ธาตุในการฟื้นบำรุงร่างกาย และป้องกันการเกิดโรคร้ายได้เป็นอย่างดี ซึ่งแอปเปิ้ลแดงจะมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Malus domestica จัดอยู่ในวงศ์พืชสผลไม้สมุนไพร Rosaceae ส่วนของต้นจะไม่มีขนาดใหญ่มาก เพราะจัดเป็นผลไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลักษณะจะเป็นทรงพุ่ม ใบเดี่ยวเรียงสลับกันคล้ายกับรูปไข่ ซึ่งขอบของใบจะมีลักษณะเป็นหยัก ๆ เล็กน้อย ก้านใบจะยาวโดด ผลจะเป็นสีแดงเนื้อข้างในจะเป็นสีขาวนวล ถ้าสุกดีแล้วจะมีรสชาติหวาน อร่อย หอม ถ้าหากว่าผ่าครึ่งออกมาจะเป็นรูปคล้าย ๆ กับดาว และมีเมล็ดอยู่ข้างในโพรง จะกินเล่น หรือนำไปแปรรูปประกอบอาหารและรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มได้
ทำความรู้จักกับแอปเปิ้ลแดง และประโยชน์ที่มากกว่าความอร่อย
แอปเปิ้ลแดง เป็นอันดับตระกูลแอปเปิ้ลที่พูดไปแล้วจะต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน เพราะว่าเป็นพันธ์แอปเปิ้ลที่หาซื้อง่ายกว่าสีอื่น ๆ เช่น สีเขียว , สีดำ , สีเหลือง หรือ สีชมพู ซึ่งแอปเปิ้ลทุกสีจะมีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการที่คล้าย ๆ กัน แต่ก็จะแตกต่างกันออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เหมือนกับแอปเปิ้ลแดงที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย จนได้รับฉายาว่าเป็นผลไม้มหัศจรรย์ มีการวิจัยออกมาว่าเพียงแค่เรากินแอปเปิ้ลแดง 1 ลูกในทุกวัน จะช่วยให้ร่างกายปลอดภัยจากโรคร้ายโดยที่ไม่จำเป็นต้องกินอาหารเสริม หรือ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอื่น ๆ เลย
ความโดดเด่นของแอปเปิ้ลแดง เนื้อของแอปเปิ้ลจะมีความหวาน ฉ่ำ อร่อย ที่สำคัญหาซื้อง่ายและราคาถูก แนะนำว่าให้ซื้อมาติดตู้เย็นไว้ได้เลย ได้กินแอปเปิ้ลแดงทุกวันรับรองว่าสุขภาพดีขึ้นแน่ นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลือกสำหรับใครที่กำลังลดน้ำหนัก หรือ ควบคุมน้ำหนัก ช่วยให้อิ่มเร็ว กระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย คุมหิวได้ดี และยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากมาย สำหรับวันนี้เราจะพาทุกคนมาเจาะลึกประโยชน์ของแอปเปิ้ลแดงกัน จะดีขนาดไหน วันนี้มีคำตอบ
ประโยชน์ของแอปเปิ้ลแดง คุณสมบัติที่ดีต่อร่างกาย
ก่อนจะไปดูประโยชน์ของแอปเปิ้ลแดง อยากให้ทุกคนแวะอ่านก่อนว่าในแอปเปิ้ลแดง 1 ลูก อุดมไปด้วย วิตามิน และ แร่ธาตุอะไรบ้าง คำตอบก็คือ วิตามินเอ , วิตามินอี , วิตามินเค , วิตามินซี , แคลเซียม , วิตามินบี1 , วิตามินบี2 , วิตามินบี3 วิตามินบี5 , วิตามินบี6 , วิตามินบี9 , โปรตีน , น้ำตาล , ธาตุเหล็ก , แมกนีเซียม , โพแทสเซียม , คาร์โบไฮเดรต , เส้นใย , พลังงาน , ไขมัน , โซเดียม , ฟอสฟอรัส , ฟลูออไรด์ , เบตาแคโรทีน และ มีสังกะสี มีส่วนช่วยของระบบการทำงานของร่างกาย ดังนี้
1.ช่วยควบคุมน้ำหนัก
แอปเปิ้ลแดงช่วยเรื่องของการควบคุมน้ำหนัก หรือแม้แต่ช่วยลดน้ำหนัก จากข้อมูลของ USDA Nutrient database กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา แอปเปิ้ลแดง 1 ลูก ประกอบไปด้วย คุณค่าทางโภชนาการทั้งหมด 100 กรัม มีปริมาณของพลังงาน = 59 Kcal , มีน้ำ 85.33 กรัม , น้ำตาล 10.48 กรัม , ไฟเบอร์ 2.3 กรัม และ โพแทสเซียม 104 กรัม มีไฟเบอร์สูง ความหวานมาจากน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่สามารถดูดซึมได้ ทำให้เวลาที่เรากินแอปเปิ้ลแดงเข้าไปแล้วจะรู้สึกอิ่มไว และความอยากอาหารจะลดลง
2.ลดความเสี่ยงจากมะเร็ง
แอปเปิ้ลแดงจะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคร้ายที่ไม่มีใครอยากเป็น นั่นก็คือ โรคมะเร็ง เพราะภายในแอปเปิ้ลบริเวณเปลือกสีแดง จะมีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟลาโวนอยด์ เมื่อเรากินเข้าไปแล้วแอนโทไซยานินจะเข้าไปขัดขวางการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ทำให้เราห่างไกลจากโรคมะเร็ง
3.ช่วยบำรุงหัวใจ
เปลือกแอปเปิ้ลแดง มีสาร เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ ตลอดจนกรดมาลิค และ กรดทาร์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเข้าไปบำรุงหัวใจ และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ถ้าหากว่าอยากรับสารที่มีประโยชน์ให้เข้าสู่ร่างกายแบบเต็มที่ แนะนำว่าไม่ต้องปลอกเปลือกออก ให้กินเข้าไปได้เลย ยิ่งกินยิ่งได้ประโยชน์ต่อหัวใจ ตลอดจนเสริมระบบการทำงานในร่างกายส่วนของการหล่อเลี้ยงหัวใจด้วย
4.ช่วยควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด
แอปเปิ้ลแดง ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถกินได้ เพราะมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ถึงแม้ว่าจะมีรสชาติหวานที่มาจากน้ำตาล 10.48 กรัม แต่มันเป็นความหวาน ที่สามารถย่อยสลายออกไปได้เพราะเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ทำให้น้ำตาลในเลือดจะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ และหายไปในที่สุด นอกจากน้ำตาลแล้วไฟเบอร์ 2.3 กรัม ในแอปเปิ้ลแดงจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือก เพราะเป็นไฟเบอร์ที่มีความสามารถในการละลายน้ำสูงมาก
5.ช่วยบำรุงร่างกายจากภายในสู่ภายนอก
แอปเปิ้ลแดง นอกจากจะมีประโยชน์ต่อระบบการทำงานในร่างกายที่หลากหลายแล้ว นอกเหนือจากนี้ยังช่วยเรื่องของผิวพรรณ แถมยังบำรุงกระดูก , ฟัน , สายตา , ปอด , สมอง , เลือด รวมถึง ระบบการขับถ่ายด้วย
กินแอปเปิ้ลแดงทุกวันเพื่อรักษาสุขภาพ มีประโยชน์ทั้งการ ยับยั้ง ป้องกัน และ ลดความเสี่ยงจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ดี สำหรับใครที่มีปัญหาสุขภาพโรคร้ายร่วมด้วยนอกจากโรคเบาหวาน ควรสอบถามและฟังคำแนะนำจากแพทย์ก่อน จะได้ควบคุมปริมาณการกินให้อยู่ในระดับที่พอดี ไม่มากจนเกินไป