ผงฟูคืออะไร มีประโยชน์ ประเภทและอันตรายอะไรบ้าง?
ผงฟู(Baking powder) คือ สารเคมีชนิดหนึ่งที่ใช้เป็นส่วนผสมในการทำอาหารจำพวกเบเกอรี่ มีลักษณะเป็นผงแห้งสีขาว ช่วยทำให้อาหารขึ้นฟู และยังช่วยเรื่องการดับกลิ่น จัดอยู่ในสารเสริม เกิดจากการผสมกันระหว่างกรดหรือเกลือของกรด มีส่วนผสมของเบกกิ้งโซดาอยู่ด้วย ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างกรดกับเบกกิ้งโซดาเมื่อนำไปอบ ทำให้เกิดฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งช่วยให้ขนมฟูดูน่ารับประทานนั่นเอง
ในการใช้งานนิยมใช้เป็นส่วนผสมในการทำแพนเค้ก, ขนมปัง, วาฟเฟิล และมัฟฟิน เป็นต้น โดยทั่วไปนิยมใช้เพียง 1 ช้อนชา กับแป้ง 1 ถ้วยตวง หากใส่ปริมาณผงฟูมากเกินไป จะทำให้เสียรสชาติ มีความเฝื่อน
การค้นพบผงฟู และกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำเบเกอรี่ ต้องย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1843 ค้นพบโดยนักเคมีชาวอังกฤษ ด้วยการทำขนมปังที่ไม่มีส่วนประกอบของยีสต์ขึ้นมาเป็นครั้งแรก และทำให้การอบขนมให้ฟูสวยกลายเป็นเรื่องง่าย และยังนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ได้ จนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน
ประโยชน์ของผงฟู
1.ใช้เป็นส่วนผสมหลักในการทำเบเกอรี่ จะช่วยให้ขนมขึ้นฟู ดูสวยน่ารับประทาน โดยไม่ต้องใช้ยีสต์เป็นส่วนผสม
2.สามารถนำมาใช้ล้างผักและผลไม้ เพื่อกำจัดสารเคมี โดยเฉพาะยาฆ่าแมลงที่เคลือบอยู่ ด้วยการผสมน้ำ แล้วแช่ผักและผลไม้ลงไป จะช่วยกำจัดสารพิษได้มากถึง 80% แถมยังไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากผงฟูสามารถรับประทานได้
3.สามารถกำจัดกลิ่นอับตามห้องน้ำ, ตู้เสื้อผ้า, ตู้รองเท้า และพื้นที่ ๆ อากาศไม่ถ่ายเทได้ เพียงแค่เอาผงฟูเทใส่ถ้วย หรือโรยเอาไว้ตามมุม จะช่วยดูดซับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.ใช้แทนยาสีฟันได้ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดกลิ่นปาก และทำให้ฟันขาวขึ้น ด้วยการผสมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็ทำให้ภายในช่องปากสะอาดมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยกำจัดหินปูน และกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นตัวการทำให้ฟันผุได้อีกด้วย
5.สามารถใช้กำจัดคราบหยดน้ำที่แห้งติดอยู่บนพื้นไม้ได้ ด้วยการผสมผงฟูกับน้ำ นำผ้าขี้ริ้วชุบให้พอหมาด แล้วขัดเบา ๆ จะทำให้คราบดังกล่าวหายไป แถมยังช่วยให้พื้นไม้เงาขึ้นด้วย
6.ทำหน้าที่เป็นสารปรับอากาศที่ได้จากธรรมชาติ เพราะมีหน้าที่ดับกลิ่น และยังช่วยทำให้อากาศสดชื่นได้
7.ช่วยดับกลิ่นปัสสาวะภายในห้องน้ำ ด้วยการผสมผงฟู กับน้ำมะนาว และเทลงไปในโถชักโครก ก่อนขัดถูให้สะอาด แล้วล้างด้วยน้ำเปล่า แทนการใช้น้ำยาเคมี จะช่วยให้กลิ่นไม่พึงประสงค์หายไปได้อย่างน่าอัศจรรย์
8.ใช้กำจัดคราบแน่นที่ติดอยู่บนกระทะและจานได้ ด้วยการเติมผงฟูในน้ำยาล้างจานเพียงเล็กน้อย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดไขมัน และคราบเหนียวให้หลุดออกไปได้อย่างง่ายดาย
9.ผสมผงฟูเล็กน้อยลงไปในผงซักฟอก เมื่อนำมาใช้ซักผ้าจะช่วยกำจัดคราบสกปรกดีขึ้น และยังกำจัดกลิ่นเหงื่อและกลิ่นอับของเสื้อผ้าได้เป็นอย่างดี
10.เมื่อใช้ผสมกับน้ำยาซักผ้า จะช่วยให้เนื้อผ้ามีความนุ่ม สีสดใส และช่วยให้คราบที่ฝังอยู่บนเสื้อผ้าจางลง ดูสะอาดมากขึ้น
11.ช่วยดับกลิ่นเท้าได้ด้วยการแช่เท้าในน้ำอุ่นที่ละลายผงฟู ประมาณ 10-15 นาที เมื่อทำเป็นประจำทุกวัน จะลดกลิ่นอับของเท้า และทำให้ผิวนุ่ม ลดความหยาบกร้านบริเวณฝ่าเท้าได้อย่างรวดเร็ว
ประเภทของผงฟู
ผงฟูในปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นเพื่อการใช้งานที่สะดวก โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักดังนี้ คือ
1.ผงฟูกำลังหนึ่ง(Single acting)
การทำงานของผงฟูประเภทนี้จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาอย่างรวดเร็วทันทีที่ผสมเข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ แม้จะยังไม่เริ่มอบ ปฏิกิริยาทางเคมีก็จะเริ่มทำงาน การใช้งานจึงต้องผสมและทำการอบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ก๊าซจะระเหยออกจนหมด ทำให้ขนมไม่ขึ้นฟูตามที่ต้องการเอาได้
2.ผงฟูกำลังสอง(Double acting)
เป็นประเภทผงฟูที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากจะเกิดปฏิกิริยาการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นมา 2 ครั้ง ครั้งแรกจะในขั้นตอนการผสม และจะเกิดอีกครั้งเมื่อนำเข้าอบ ทำให้ขนมฟูสวย โดยไม่ต้องเร่งรีบอบเหมือนกับประเภทแรก
อันตรายของผงฟู มีอะไรบ้าง?
1.ผงฟูเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการระเบิดได้เมื่อนำไปผสมกับสารเคมีบางชนิด ดังนั้นจะต้องระมัดระวังในการนำไปใช้งานที่นอกเหนือจากวัตถุประสงค์หลัก
2.เนื่องจากผงฟูมีลักษณะเป็นผง น้ำหนักเบา หากสูดดมเข้าไปในปริมาณมาก จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณทางเดินหายใจ ทำให้หายใจลำบาก และยังไปกระตุ้นอาการหอบหืดสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวนี้อยู่อีกด้วย
3.หากสัมผัสโดนผิวหนังโดยตรง อาจทำให้ระคายเคือง โดยเฉพาะเมื่ออยู่บนผิวหนังที่มีความบอบบาง หรือคนที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย อาจเกิดเป็นรอยไหม้ และแสบร้อน ลุกลามจนกลายเป็นรอยแผลตามมา
ผงฟูถือว่าเป็นสารเคมีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการทำเบเกอรี่ และใช้ภายในครัวเรือน ไม่เพียงแค่เป็นตัวช่วยให้ขนมขึ้นฟูเท่านั้น แต่ยังเป็นผงเอนกประสงค์ที่ใช้งานในการทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย