ผงซักฟอกคืออะไร มีประโยชน์ ประเภทและอันตรายอะไรบ้าง?
ผงซักฟอก(Laundry Powder) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับทำความสะอาดเสื้อผ้า ซึ่งผลิตจากสารที่ทำหน้าที่ช่วยลดแรงตึงผิว ลักษณะเป็นผงสีขาว หรือเป็นเกล็ด อยู่ในกลุ่มของเกลือซัลโฟเนต ใช้ผสมกับน้ำก่อนนำมาซักผ้า นอกจากนี้ยังนำไปใช้ทำความสะอาดในด้านอื่นได้อีกด้วย
ด้วยคุณสมบัติของสารซักล้างชนิดนี้ สามารถนำมาใช้แทนสบู่ได้ มีทั้งชนิดสังเคราะห์และชนิดที่ได้มาจากธรรมชาติ ซึ่งการถือกำเนิดขึ้นของผงซักฟอก เริ่มต้นในสงครามโลกครั้งที่ 1 ช่วงเวลานั้นพบปัญหาขาดแคลนำไขมันที่เป็นส่วนประกอบของสบู่ ทำให้มีการพัฒนาผงซักฟอกขึ้นมา และเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายตั้งแต่ ค.ศ.1940 โดยบริษัท Proctor and Gamble เป็นครั้งแรกของโลก
ด้วยคุณสมบัติการทำความสะอาดที่ดี โดยเฉพาะสิ่งสกปรกบนเนื้อผ้า ทำให้เป็นที่นิยม มีการพัฒนาปรับปรุงสูตรให้หลากหลาย จนกลายเป็นสารทำความสะอาดที่ใช้งานกันไปทั่วโลก และมักจะมีติดไว้ตามครัวเรือนเพื่อสะดวกต่อการนำมาใช้อยู่เสมอ
ประโยชน์ของผงซักฟอก
1.ใช้สำหรับทำความสะอาดเสื้อผ้า ชะล้างสิ่งสกปรก ทำให้เนื้อผ้าดูสะอาดมากขึ้น และยังช่วยกำจัดเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ที่มองไม่เห็นไปในตัว
2.ช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นอับของเสื้อผ้า โดยเฉพาะผงซักฟอกที่มีส่วนผสมของน้ำหอม ช่วยดับกลิ่นและเพิ่มความหอม
3.สารที่ผสมอยู่ในผงซักฟอกจะช่วยลดแรงตึงผิวขณะทำความสะอาด ทำให้เส้นใยผ้าได้รับการปกป้อง ลดการหดตัวและไม่ยืดย้วยได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่มาจากเส้นใยธรรมชาติ
4.ใช้ทำความสะอาดเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่ เพื่อชะล้างเอาสารเคมี และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่มาจากโรงงาน ด้วยการแช่เอาไว้กับน้ำละลายผงซักฟอก ก่อนทำการซัก ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผิวแพ้สารเคมี โดยเฉพาะสีที่ใช้ย้อมผ้า
5.ใช้ล้างทำความสะอาดพื้นห้องน้ำ และพื้นปูนภายนอกอาคาร ด้วยคุณสมบัติคล้ายสบู่ ช่วยกำจัดคราบตะไคร่ และคราบไคลที่มีความลื่นได้อย่างหมดจด
6.นำผงซักฟอกผสมน้ำจนละลาย นำมาเช็ดทำความสะอาดกระจก ช่วยทำให้ฝุ่นและคราบต่าง ๆ ถูกกำจัด เพิ่มความใส และลดการเกิดฝ้าได้
7.สามารถนำมาละลายน้ำ ใช้ทดแทนน้ำยาล้างจานในยามจำเป็นได้ ด้วยการเลือกใช้ผงซักฟอกแบบธรรมดา เพื่อช่วยป้องกันสารเคมีตกค้าง
8.ใช้ทำความสะอาดส่วนต่างๆ ของรถยนต์ส่วนนอก ด้วยการนำมาละลายน้ำ เช็ดล้างบริเวณด้านล่างของรถ สามารถกำจัดคราบน้ำมัน, เขม่า และดินโคลนที่กระเด็นขึ้นมาสะสมติดอยู่ตามซอกล้อ
9.ผงซักฟอกสามารถนำมาผสมกับน้ำและน้ำมันพืช เพื่อทำเป็นสบู่สำหรับใช้ล้างมือได้
10.ใช้ซักล้างพรมเช็ดเท้าได้ง่ายดายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคราบสกปรกที่ฝังแน่น เพียงแค่ผสมผงซักฟอกกับน้ำ แล้วนำไปทาลงจุดที่มีคราบและสกปรก ก่อนขัดและล้างทำความสะอาด
11.ช่วยกำจัดคราบจาระบีที่ติดอยู่บนมือได้ ด้วยการนำมาล้างแทนการใช้สบู่ จะช่วยให้หลุดออกได้อย่างรวดเร็ว
12.ใช้ผสมน้ำเล็กน้อยพอเปียก ทาลงบนคอเสื้อหรือจุดที่มีคราบไคลหนัก ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ก่อนนำซักตามปกติ จะทำให้คราบเหล่านั้นถูกกำจัดได้อย่างหมดจด
ประเภทของผงซักฟอก
การแบ่งประเภทของผงซักฟอกจะแบ่งตามสารที่ใช้ลดแรงตึงผิว ดังนี้
1.ผงซักฟอกประเภท Anionic surfactant
มีส่วนผสมของสารตึงผิวที่เป็นไอออนลบ เน้นทำความสะอาดคราบหนัก ไม่ว่าจะเป็นดินโคลน หรือคราบหนัก ปริมาณฟองเยอะ ยิ่งอุณหภูมิสูง ยิ่งช่วยกำจัดคราบได้ดี
2.ผงซักฟอกประเภท Nonionic detergents
สารลดแรงตึงผิว จะเป็นสารที่จะไม่แตกตัวออกมาเป็นไอออนใด ๆ ทั้งสิ้น ปริมาณฟองน้อย เน้นชำระสิ่งสกปรกบนเส้นใยสังเคราะห์
3.ผงซักฟอกประเภท Cationic detergents
ลักษณะของสารลดแรงตึงผิวจะแตกตัวออกเป็นไอออนบวก เน้นใช้งานกับสารปรับผ้านุ่ม เพราะการทำความสะอาดได้ไม่เต็มที่นัก แต่เคลือบเนื้อผ้าได้ดี จึงเน้นช่วยรักษาสภาพเส้นใยผ้ามากกว่า
4.ผงซักฟอกประเภท Amphiphilic detergents
มีความสามารถในการแตกตัวได้ทั้งไอออนบวกและไอออนลบ สามารถทำความสะอาดได้ในระดับปานกลาง เน้นนำไปผสมกับสารตึงผิวชนิดอื่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น
อันตรายที่ควรระวังจากผงซักฟอก
1.สารซักฟอกเมื่อปล่อยลงสู่แหล่งน้ำ จะทำให้พืชน้ำเจริญเติบโตได้ง่าย เนื่องจากมีสารฟอสเฟตอยู่ ส่งผลเสียต่อแม่น้ำลำคลอง ทำให้ระบบนิเวศน์เสียสมดุล สิ่งมีชีวิตเสี่ยงขาดออกซินเจนตาย และเกิดน้ำเน่าเสียตามมา
2.การตกค้างของสารละลายจากผงซักฟอกที่ปะปนอยู่ตามแหล่งน้ำ กลายเป็นสารพิษต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำ และหากสัมผัสโดนผิวหนัง อาจเกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรง และเจ็บป่วยตามมาได้
3.การสัมผัสกับผงซักฟอกโดยตรง เสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้รุนแรง ผิวหนังลอกเป็นขุย หรือเป็นแผลแดงแสบร้อน ลุกลามอย่างหนัก ทำให้เกิดความทุกข์ทรมาน
4.หากเผลอนำเข้าปาก โดยเฉพาะในเด็กเล็ก จะทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ เกิดอาการปวดท้อง อาเจียน และหากได้รับเข้าไปในปริมาณมาก จะส่งผลรุนแรงต่อระบบอวัยวะส่วนอื่นร่วมด้วย
การใช้งานผงซักฟอกยังคงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากมีความเอนกประสงค์ในการนำมาทำความสะอาดสิ่งต่าง ๆ นอกเหนือจากเสื้อผ้า แต่กระนั้นทุกครั้งของการเลือกซื้อ ควรพิจารณาให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อประสิทธิภาพที่ดีในการกำจัดสิ่งสกปรกได้แบบไม่ผิดหวัง