น้ำหอมคืออะไร มีประโยชน์ ประเภทและอันตรายอะไรบ้าง?
น้ำหอม(Perfume) คือ สารละลายที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยกับแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมหลัก รวมถึงส่วนผสมของสารตรึงกลิ่นและตัวทำละลาย โดยทั่วไปจะเป็นของเหลวมีกลิ่นหลากหลาย นิยมใช้เพื่อเพิ่มกลิ่นกายให้มีกลิ่นหอม และดับกลิ่นกายอันไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากเสื้อผ้าหรือกลิ่นตัวที่อับชื้นจากเหงื่อ
โดยการผลิตน้ำหอม สามารถได้มาจากส่วนผสมธรรมชาติ เช่น ดอกไม้, เครื่องเทศ, ไม้, ผลไม้ เป็นต้น นอกจากนี้สามารถได้มาจากสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบกลิ่นธรรมชาติ ซึ่งระดับความเข้มข้นของสารประกอบในน้ำหอมจะแตกต่างกันออกไป ส่งผลต่อกลิ่นและความติดทนนาน สามารถใช้กับผิวหนัง, เสื้อผ้า, เครื่องนอน หรือเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้า เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมได้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
การถือกำเนิดขึ้นของน้ำหอมมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของน้ำหอมพบในอารยธรรมโบราณของชาวเมโสโปเตเมียตั้งแต่ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล ชาวอียิปต์โบราณยังใช้น้ำหอมซึ่งเชื่อว่ากลิ่นมีสรรพคุณเกี่ยวกับเวทมนตร์และการบำบัดโรค และใช้น้ำหอมในพิธีกรรมทางศาสนาอีกด้วย ส่วนในชาวกรีกและชาวโรมันโบราณนิยมใช้น้ำหอมกันอย่างกว้างขวาง ทั้งสำหรับใช้ส่วนตัวและในพิธีกรรมทางศาสนา
ส่วนในปัจจุบันน้ำหอมมีหลากหลายกลิ่นมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เป็นทั้งตัวสะท้อนไลฟ์สไตล์และสะท้อนความหรูหราของผู้คน โดยเฉพาะการใช้น้ำหอมแบรนด์ราคาแพง จนกลายเป็นอุตสาหกรรมที่ยังคงสร้างกำไร มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่ถูกผลิตและวางจำหน่ายไปทั่วโลก
ประโยชน์ของน้ำหอม
1.ช่วยทำให้ร่างกายมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่สะท้อนบุคลิกภาพและไลฟ์สไตล์ ซึ่งจะเป็นกลิ่นที่น่าดึงดูด ดูมีเสน่ห์มากขึ้น
2.ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่ใช้น้ำหอม ด้วยกลิ่นเฉพาะตัวทำให้ผู้คนรอบข้างที่ได้กลิ่นเกิดความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปตามหลักจิตวิทยา เกิดความน่าเชื่อถือ และดูดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ
3.กลิ่นของน้ำหอมช่วยเพิ่มความประทับใจให้กับคนรอบข้าง เป็นกลิ่นที่ช่วยสร้างพลังในเชิงบวกให้ผู้อื่นที่เดินเข้ามาใกล้
4.สร้างความน่าจดจำ ทำให้ผู้อื่นจำได้ ด้วยการใช้น้ำหอมกลิ่นเดิม ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งปฏิกิริยาของน้ำหอมกับอากาศ เหงื่อ และระยะเวลา จะได้กลิ่นที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล ทำให้เกิดเอกลักษณ์ของความหอมที่ต่างกัน
5.เป็นตัวช่วยบำบัดความเครียด ลดความเครียดให้น้อยลงด้วยการใช้น้ำหอมบางชนิดที่มีกลิ่นนุ่มละมุน เช่น กลิ่นลาเวนเดอร์, กลิ่นวานิลลา เป็นต้น มีผลช่วยให้จิตใจสงบ ลดความวิตกกังวล มีผลต่อร่างกายตามมา
6.ช่วยปรับปรุงอารมณ์ให้ดีขึ้น ด้วยกลิ่นโปรดส่วนตัว เมื่อได้กลิ่นแล้วจะทำให้อารมณ์ที่หงุดหงิดเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเบาสบาย มีผลดีต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกายไปด้วย
7.ใช้เป็นตัวช่วยปกปิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ โดยเฉพาะคนที่มีปัญหากลิ่นตัว หรือกลิ่นควัน และกลิ่นอาหารที่ติดตามเสื้อผ้า การฉีดพรมน้ำหอมที่เหมาะสมจะช่วยทำให้ตัวหอมมากขึ้น และลดกลิ่นเหม็นให้จางลง
8.ใช้ฉีดพรมเบา ๆ ที่หมอนอิง, ผ้าม่าน, หมอนข้าง หรือเครื่องนอน เพื่อช่วยให้ห้องมีความหอม ลดกลิ่นอับ และสร้างบรรยากาศที่เหมาะแก่การพักผ่อน
9.ใช้เป็นของขวัญมอบให้กับคนที่รักได้ เพราะน้ำหอมสื่อถึงความหมายที่ดี ความโรแมนติก และความน่ารักสดใส
10.ฉีดพรมใส่การ์ด หรือจดหมายที่ส่งให้คนรัก เพื่อทำให้กระดาษมีกลิ่นหอม ทำให้ผู้รับเกิดความรู้สึกประทับใจมากขึ้น
11.น้ำหอมบางกลิ่นช่วยทำให้เกิดสมาธิ โฟกัสการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลิ่นแนวไซตรัสและยูคาลิปตัส ที่จะเน้นความสดชื่นผ่อนคลายเป็นพิเศษ
12.ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้นในเวลากลางคืน หลับลึกได้ดีด้วยกลิ่นน้ำหอมที่ช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ฉีดหรือทาที่ผิวให้กลิ่นระเหยแบบจาง ๆ ก่อนเข้านอน จะได้ผลลัพธ์ที่ดีเป็นอย่างมาก
ประเภทของน้ำหอม มีอะไรบ้าง
ในการจัดแบ่งประเภทของน้ำหอมตามหลักสากล แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1.น้ำหอม EDT(Eau De Toilette)
น้ำหอมที่เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ส่วนผสมจะมีออยล์น้ำหอมเข้มข้นอยู่ที่ 4-10%
2.น้ำหอม EDP(Eau De Parfum)
น้ำหอมที่มีราคาแพงมากกว่าชนิดแรก ด้วยความเข้มข้นของออยล์น้ำหอมอยู่ที่ 10-20% ให้กลิ่นติดนานมากกว่า 5 ชั่วโมง แต่มักจะมีกลิ่นฉุนแรงเมื่ออยู่ใกล้คนอื่น
3. EDC(Eau De Cologne)
น้ำหอมที่มีออยล์น้อยที่สุดเพียง 2-3% เท่านั้น ใช้งานได้ทุกผู้หญิงและผู้ชาย มีราคาถูกที่สุดในบรรดาน้ำหอมทั้งหลาย ความติดทนนานประมาณ 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
4.หัวน้ำหอมน้ำหอม
น้ำหอมเข้มข้นมากที่สุดจากทั้งหมด มีราคาแพงที่สุดเพราะออยล์น้ำหอมเข้มข้นตั้งแต่ 15-40% นิยมใช้เป็นเบสในการทำน้ำหอมอื่น ๆ หรือใช้งานเลยก็ได้ โดยเฉพาะใช้ในงานกลางคืนที่อุณหภูมิไม่ร้อนเหมือนกลางวัน ติดทนนานกว่า 8 ชั่วโมงได้เลยทีเดียว
อันตรายที่ควรระวังจากการใช้น้ำหอม
1.น้ำหอมที่ได้จากสารสังเคราะห์หรือธรรมชาติ ล้วนเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ได้ในกลุ่มคนที่ไม่เคยใช้ จนถึงขั้นผิวหนังไหม้แดงได้เลยทีเดียว
2.น้ำหอมที่มีส่วนผสมของสารเคมีอันตรายที่ไม่ได้มาตรฐาน หากสูดดมเข้าไปจะกลายเป็นพิษทำลายระบบอวัยวะภายใน ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ไปจนถึงหมดสติ และระบบการหายใจล้มเหลวได้
3.ทำให้รู้สึกระคายเคืองเมื่อสูดดมเข้าไป โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ทำให้อาการกำเริบ หายใจไม่ออก และเกิดอาการหอบตามมา
กลิ่นหอมที่ได้จากน้ำหอมมีหลากหลายกลิ่นให้เลือกจากการรังสรรค์ของนักปรุงน้ำหอมทั่วโลก ทำให้เครื่องประทินผิวชนิดนี้ไม่เคยตกเทรนด์ เป็นอุตสาหกรรมที่ยังคงยืนยาว และสามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำให้กับผู้ผลิตต่อไป