ประโยชน์ของหมอน เครื่องใช้ในทุกห้องนอน
หมอน (Pillow) คือ หนึ่งในเครื่องนอนที่นิยมใช้ภายในห้องนอน สำหรับหนุนศีรษะ มีประโยชน์ในด้านการนอนหลับ ช่วยรองรับสรีระช่วงศีรษะให้พอดี ลักษณะของหมอนจะมีลักษณะต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับแต่ละที่อยู่อาศัย วัฒนธรรม การใช้ชีวิต อีกทั้งหมอนยังเกี่ยวข้องกับธรรมเนียมประเพณีที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในอดีต มาจนถึงปัจจุบัน เป็นวัฒนธรรมระดับสากล นอกจากจะใช้ภายในห้องนอนแล้ว ยังใช้เป็นของตกแต่งตามห้องรับแขก และใช้ประโยชน์เพื่อความผ่อนคลายเป็นหลัก
ประโยชน์ของหมอน มีอะไรบ้าง
1. ใช้สำหรับการนอนหนุนศีรษะ หรือบางชนิดก็นำไปใช้กอด หรือใช้เป็นหมอนอิง เพื่อให้เกิดความสบายตัว
2. ช่วยให้นอนหลับได้สบายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหมอนที่รองรับสรีระได้ดี ทำให้ไม่ปวดเมื่อยตามตัว นอนหลับได้สนิทตลอดคืน
3.ใช้รองบริเวณต้นคอหากมีอาการปวดเมื่อย จะทำให้เส้นคลายตัว รู้สึกสบายคอมากขึ้น
4.ใช้เพื่อลดอาการปวดหลังได้ ด้วยการนอนหงาย ราบไปกับพื้น แล้วนำหมอนมาหนุนใต้หัวเข่าแทน จะทำให้อาการปวดหลังทุเลาลง
5.ใช้สำหรับตกแต่งบ้านให้ดูสวยงาม ดูมีสไตล์มากขึ้นด้วยลวดลายของหมอนที่มีให้เลือกหลากหลาย
ประเภทของหมอนหนุน พร้อมข้อดีและข้อเสีย
1.หมอนขนสัตว์
ลักษณะของหมอน จะมีผิวสัมผัสที่ฟูเป็นพิเศษ และมีความนุ่ม วัสดุผลิตจากขนสัตว์แท้ หรือขนสัตว์เทียม เช่น หมอนขนเป็ดเทียม ที่จะให้ความรู้สึกเย็นสบายขณะหนุน รองรับสรีระของศีรษะได้ดี
2.หมอนใยสังเคราะห์
นิยมใช้กันแพร่หลายในที่พักอาศัย ตามโรงแรม หรือเป็นหมอนตกแต่งตามที่ต่าง ๆ ในอาคารบ้านเรือน วัสดุหลักขึ้นรูปจากใยสังเคราะห์ ซึ่งมาจากพลาสติกประเภทโพลีเอสเตอร์ บางชนิดเป็นโพลียูรีเทน หรือไมโครไฟเบอร์ ซึ่งเป็นประเภทของพลาสติกที่ให้ความยืดหยุ่นต่างกัน มีราคาไม่แพง ระบายอากาศได้ดี ทนทาน คืนรูปได้ดี เหนียวทนและซักทำความสะอาดง่าย แต่มีข้อเสียคือหากใช้ไปนาน ๆ หมอนจะแบน ถ้าไม่ค่อยทำความสะอาด จะกลายเป็นแหล่งสะสมของฝุ่น ไม่ดีต่อสุขภาพ
3.หมอนยางพารา
ผลิตมาจากวัสดุยางพารา มีด้วยกันหลายเกรด คุณสมบัติหลักคือการคงรูปได้ดี ไม่แบนในระยะยาว ยิ่งเป็นยางพาราแท้ จะมีความยืดหยุ่นสูง อายุการใช้งานยาวนาน ไม่ต้องกลัวเรื่องเสียรูปง่าย ๆ ส่วนใหญ่ผลิตขึ้นเพื่อเป็นหมอนสุขภาพ ออกแบบให้รองรับสรีระในการนอน หนุนช่วงคอและศีรษะ ลดอาการกรน แต่ข้อเสียคือมีน้ำหนักมาก เคลื่อนย้ายอาจลำบาก ไม่สามารถนำไปซักทำความสะอาดแบบทั่วไปได้ จะต้องใช้น้ำชุดผ้าหมาดเช็ดทำความสะอาด แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้ง และต้องระมัดระวังไม่ให้โดนแดดจัดเป็นเวลานานด้วย
4.หมอนเมมโมรี่โฟม
ผลิตจากวัสดุโฟมที่มีคุณสมบัติความหนาแน่นสูง ปรับรูปทรงให้เหมาะสมกับสรีระการใช้งานได้คล้ายกับหมอนยางพารา ดีต่อสุขภาพการนอน ลดแรงกดทับบริเวณศีรษะ กระจายน้ำหนักอย่างทั่วถึง ปรับรูปทรงให้เหมาะกับแต่ละคนได้อัตโนมัติ ทำให้นอนหลับสบาย เย็น และเป็นหมอนสุขภาพ ช่วยลดอาการปวดต่าง ๆ ส่วนการทำความสะอาด เหมือนหมอนยางพารา
5.หมอนนุ่น – เป็นหมอนที่วัสดุด้านในจะถูกยอดด้วยนุ่นที่มาจากต้นไม้ธรรมชาติ เป็นพืชชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ต้นนุ่น” ได้จากเมล็ดที่แก่จัด ด้านในจะมีใยสีขาว มีลักษณะฟูนุ่ม นิยมนำมาทำไส้หมอน ทำให้หมอนมีน้ำหนักเบา ซักทำความสะอาดง่าย เพราะไม่ดูดซับน้ำ มีราคาไม่แพง ตากแห้งได้รวดเร็ว ยืดหยุ่นสูง แต่ข้อเสียคือนุ่นจะติดไฟได้ง่าย เมื่อใช้ไปนาน ๆ จะยุบตัว ไม่คืนทรง ละมักเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่น เสี่ยงเกิดภูมิแพ้
การเลือกซื้อหมอนหนุนให้เหมาะสม
1.เลือกซื้อหมอนที่รองรับศีรษะได้ดี ควรหนุนได้ตั้งแต่ต้นคอขึ้นไป ความสูงไม่ควรมากกว่า 4-6 นิ้ว
2.หลีกเลี่ยงการใช้หมอนเตี้ย เพราะจะทำให้เกิดการยุบตัวเมื่อน้ำหนักศีรษะทับลงไป เลือดไหลได้ไม่ดี เกิดภาวะแรงดันในหลอดเลือดสูง ยิ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคความดัน จะทำให้อาการกำเริบได้ง่าย
3. อย่าเลือกหมอนที่แข็งเกินไป เพราะจะไม่รองรับสรีระได้ดี จะมีแค่บางส่วนของศีรษะเท่านั้นที่สัมผัสหมอน ทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงบริเวณดังกล่าว เกิดอาการปวดเมื่อย เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้รู้สึกไม่สดชื่นหลังตื่นนอนตอนเช้า
4.ควรเลือกหมอนให้เหมาะกับพฤติกรรมการนอนหลับ บางคนที่ชอบนอนหงาย ควรเป็นหมอนที่มีความยืดหยุ่นสูง กระจายตัวรองรับสรีระได้ทั้งศีรษะและต้นคอ ส่วนคนที่ชอบนอนตะแคง เน้นเป็นหมอนสูงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีพื้นที่ช่วยรองรับช่องว่างที่เกิดระหว่างคอและหมอน ลดอาการปวดเมื่อย และป้องกันไม่ให้กระดูกคอโค้งจนเสียรูป หากนอนในท่านี้ติดต่อกันนาน ๆ
5.เลือกซื้อหมอนที่ผลิตจากวัสดุที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่แบนเร็ว ทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นแหล่งสะสมของฝุ่น เชื้อโรค และควรมีปลอกหมอนสวมใส่อีกชั้น เพื่อช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย ลดการสัมผัสกับสิ่งสกปรกภายนอกด้วย
อย่างไรก็ตามแม้จะเลือกหมอนที่ดีที่สุดมาแล้ว แต่ถ้าหากยังนอนในท่าที่ไม่เหมาะสม ก็ส่งผลให้เกิดอาการเมื่อยล้า นอนหลับไม่เต็มอิ่ม ดังนั้นจะต้องรู้จักเลือกหมอนหนุนที่ดี และแก้ไขท่านอนแบบผิด ๆ ของตัวเองด้วย จะได้ช่วยลดปัญหาสุขภาพ นอนหลับได้เต็มอิ่มตลอดคืน