ต้นไม้คืออะไร มีประโยชน์ วิธีดูแลและอันตรายอะไรบ้าง?
ต้นไม้(Trees) คือ พืชชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นบนโลกมานานหลายล้านปีก่อนที่มนุษย์จะถือกำเนิดขึ้น เป็นไม้ยืนต้นมีอายุยืน แข็งแรง หรือเรียกได้ว่าเป็น “พืชนานปี” ลักษณะทั่วไปคือลำต้นสูงยาว มีกิ่งก้านกระจายตัวออกไปรอบทิศทาง ประกอบด้วยใบและดอก ผลและเมล็ด ส่วนที่อยู่ใต้ดินจะเป็นรากแก้วที่ช่วยยึดให้แข็งแรง และรากฝอยที่ทำหน้าที่ดูดซึมอาหารในดิน โดยลำต้นหลักจะมีขนาดใหญ่ใช้พยุงแขนงกิ่งที่แตกยอดออกไป อาหารหลักคือ น้ำ วิตามินและแร่ธาตุในดิน และแสงแดด
อายุของต้นไม้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ สภาพแวดล้อม และปัจจัยด้านสภาพอากาศ โรคในพืช อาจจะมากถึงร้อยปี หรือเป็นพันปีได้เลยทีเดียว ซึ่งพบว่าต้นไม้ที่มีอายุยืนมาก ๆ และสูงที่สุดในโลก วัดได้อยู่ที่ประมาณ 116 เมตร เชื่อว่าจะสูงต่อไปได้อีกเรื่อย ๆ จนเกือบถึง 130 เมตรเลยทีเดียว การเจริญเติบโตแบบนี้ก็เพื่อต้องการความอยู่รอด เพื่อให้ตัวเองได้รับแสงแดดได้อย่างเพียงพอ
ประโยชน์ของต้นไม้
1.ช่วยสร้างร่มเงา บังแดดและฝนได้ ช่วยทำให้พื้นที่ ๆ มีต้นไม้ปกคลุม ร่มรื่น บรรยากาศดี และมีอุณหภูมิเย็นมากกว่าพื้นที่อื่นที่ไม่มีต้นไม้
2.ทำหน้าที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับระบบนิเวศน์ โดยจะคายก๊าซออกซิเจนออกมาในเวลากลางวัน ทำให้อากาศมีความบริสุทธิ์
3.ทำหน้าที่ช่วยป้องกันการเกิดภาวะโลกร้อน ช่วยดูดซับเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดเรือนกระจก
4.เป็นที่อยู่ให้กับสัตว์ป่าต่าง ๆ ได้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นโพรงต้นไม้ หรือว่ากิ่งก้านที่ใช้เป็นที่หลบภัย พักอาศัยนอนหลับ และสร้างครอบครัวบนต้นไม้ที่มีความสูงจากพื้น เพื่อป้องกันสัตว์นักล่า
5.ต้นไม้บางชนิดเป็นอาหารของสัตว์ป่า โดยเฉพาะใบและผลสุก เมื่อกินเข้าไปแล้ว ต้นไม้จะมีการออกผลและใบใหม่ขึ้นมาทดแทน ทำให้สัตว์มีอาหารกินอยู่เรื่อย ๆ
6.ผลของต้นไม้บางชนิด มนุษย์สามรถนำมารับประทานได้ อีกทั้งมีรสชาติอร่อย มีสารอาหารและกากใย เช่น มะขาม, มะยม, ลำไย, น้อยหน่า, มะม่วง, ทุเรียน เป็นต้น
7.ช่วยให้ดินมีความชุ่มชื้น กลายเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร เพราะรากที่ดูดซับน้ำและแร่ธาตุเอาไว้ ทำให้ดินบริเวณนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์
8.ปลูกเอาไว้รอบบริเวณบ้าน เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้แสงแดดส่องเข้าตัวบ้านโดยตรง ต้องผ่านการกรองจากต้นไม้ ทำให้บ้านเย็นขึ้น ไม่ร้อนอบอ้าว
9.รากต้นไม้ที่ยึดเกาะดินเอาไว้จะช่วยลดการเกิดดินถล่มหรือหน้าดินพังทลายลงมา โดยเฉพาะการปลูกเอาไว้ตามแนวเขาที่เป็นดินลาดชัน
10.พื้นที่ ๆ มีต้นไม้ปกคลุมหนาแน่น ทำให้นที่ช่วยป้องกันการเกิดน้ำท่วมและอุทกภัย ทำหน้าที่เสมือนแนวป้องกันน้ำท่วม ชะลอการไหลของน้ำให้ช้าลง
11.ใช้เป็นตัวช่วยในการคลายเครียด ด้วยการปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความเพลิดเพลิน และช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้
12.ใช้ส่วนประกอบของต้นไม้มาทำเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะส่วนของลำต้นใหญ่ ที่นิยมปลูกเพื่อนำมาผลิตเป็นโต๊ะ, เก้าอี้, ตู้เสื้อผ้า ฯลฯ ที่ให้ความสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยลวดลายของเนื้อไม้ที่แตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์
13.ใบ ผล และเปลือก ของต้นไม้บางชนิด สามารถนำเอามาใช้เป็นยารักษาตามหลักการแพทย์แผนโบราณได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภายนอก หรือการนำมารับประทาน โดยใช้ตามหลักของแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น
14.การอยู่ท่ามกลางต้นไม้ที่ปกคลุมด้วยใบสีเขียว จะช่วยลดความเครียด ทำให้จิตใจผ่อนคลาย และช่วยทำให้สงบขึ้น
การดูแลรักษาต้นไม้ให้มีอายุยืนยาว
1.ควรรดน้ำต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ โดยปกติหากเป็นการปลูกทั่วไปด้วยตัวเอง ควรให้น้ำวันละ 1-2 ครั้ง คือช่วงเช้าและเย็น
2.ต้นไม้จำเป็นต้องโดนแดด ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม เพราะพืชเหล่านี้ต้องการแสงแดดจากธรรมชาติเพื่อใช้ในการสังเคราะห์อาหาร
3.เลือกใช้ปุ๋ยที่มีคุณภาพ และไม่ทำลายหน้าดินในบริเวณนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้แร่ธาตุในดินถูกทำลาย และป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียกับต้นไม้อื่นด้วย
4.คอยเช็คสภาพผิดปกติ เช่น รอยด่างที่ใบ, ใบร่วงจนเหลือแต่กิ่ง, สภาพต้นไม้ดูเหี่ยวไม่สดใส ฯลฯ อาจเกิดขึ้นจากโรคหรือการดูแลแบบผิดวิธี
5.ตัดแต่งกิ่งบ้างเพื่อให้ยอดใหม่ ๆ เจริญเติบโตขึ้นมาแทนที่ ยิ่งทำอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งช่วยให้ต้นไม้โตเร็วขึ้น
อันตรายจากต้นไม้ที่ควรระวัง
1.ต้นไม้บางชนิดมีพิษ หากไปสัมผัสอาจเกิดอาการระคายเคือง และแพ้อันตรายถึงขั้นเป็นแผลพุพองรุนแรงได้
2.ต้นไม้ที่มีลำต้นสูงใหญ่และปลูกใกล้บ้านเรือน เสี่ยงที่จะเกิดการหักโค่นลงมาเมื่อมีลมแรง หรือมีพายุหนัก จนทำให้เกิดความเสียหายต่อที่อยู่อาศัย
3.ต้นไม้เป็นเหมือนสายล่อฟ้า หากอยู่ใต้ต้นไม้ช่วงหน้าฝน พายุรุนแรง อาจเกิดอันตรายจากฟ้าผ่าที่มักจะผ่าลงมาที่ต้นไม้แล้วโดนลูกหลงไปด้วย
4.เป็นแหล่งอยู่อาศัยของสัตว์มีพิษ เช่น งู, ตะขาบ, แมงป่อง, ผึ้ง, ต่อ เป็นต้น หากเดินเข้าไปใกล้ อาจถูกสัตว์เหล่านี้ทำร้าย โอกาสที่จะโดนพิษถึงขั้นเสียชีวิตได้
จะเห็นได้ว่าต้นไม้เป็นพืชยืนต้นที่เต็มไปด้วยประโยชน์มหาศาลต่อโลกใบนี้ เรียกได้ว่าคือปอดที่ช่วยรักษาสมดุล เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ เป็นร่มเงาให้กับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รวมถึงมนุษย์ด้วย เพราะฉะนั้นการตัดไม้ทำลายป่า จึงเป็นเหมือนการทำลายปอดของตัวเอง เมื่อต้นไม้น้อยลง ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน อุทกภัย การสูญพันธุ์ของสัตว์หลายชนิด จึงควรหลีกเลี่ยงการทำลายป่า และหันมาปลูกต้นไม้เพิ่ม เพื่อช่วยรักษาระบบนิเวศน์ที่ดีให้คงอยู่ต่อไปได้ในอนาคต