
ตู้เซฟนิรภัยคืออะไร มีประโยชน์ วิธีเลือกซื้อและข้อควรระวังอะไรบ้าง?
ตู้เซฟนิรภัย(Safe) คือ กล่องที่มีฟังก์ชั่นสามารถล็อกได้อย่างแน่นหนา มักจะเป็นทรงสี่เหลี่ยม ภายในเก็บสิ่งของมีค่าที่เสี่ยงต่อการถูกขโมย หรือเป็นของที่เป็นข้อมูลลับ วัสดุนิยมใช้โลหะอย่างเหล็กที่มีความทนทานมาผลิตขึ้นรูป มีช่องสำหรับเปิดเพื่อใส่ของมีค่าเข้าไปไว้ด้านใน ระบบล็อคในปัจจุบันทั้งแบบอนาล็อก ด้วยรหัสตัวเลข ใช้วิธีการหมุน และแบบดิจิตอล ซึ่งจะมีหน้าจอเข้ารหัสเอาไว้แบบเป็นตัวเลข ลายนิ้วมือ หรือรูม่านตา เป็นต้น
ตำแหน่งการวางตู้เซฟนิรภัยมักจะฝังเอาไว้กับผนังเพื่อป้องกันไม่ให้ใครยกไปที่อื่นได้ แต่บางชนิดที่ผลิตออกมามีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก อาจตั้งไว้กับพื้นได้ แต่มีความปลอดภัยน้อยกว่า โดยครั้งแรกอุปกรณ์นิรภัยชิ้นนี้เป็นที่รู้จักตั้งแต่ในช่วงศตวรรษที่ 13 ก่อนคริสตกาล ค้นพบในหลุมฝังศพของฟาโรห์รามเสสที่ 2 วัสดุทำจากไม้พร้อมระบบล็อคแบบกุญแจไข ในปัจจุบันตู้เซฟนิรภัยมีให้เลือกหลากหลาย นอกจากใช้เพื่อป้องกันอันตรายจากผู้คน ยังถูกออกแบบเพื่อป้องกันไฟ กระสุน และกันน้ำได้อีกด้วย
ประโยชน์ของตู้เซฟนิรภัย
1.ใช้รักษาสิ่งของมีค่า ป้องกันอันตรายที่อาจส่งผลทำให้ทรัพย์สินสูญหาย หรือถูกขโมย
2.ใช้ป้องกันไม่ให้ความลับสำคัญรั่วไหล เช่น ข้อมูลของบริษัท หรือข้อมูลการเงินที่อาจส่งผลให้คู่แข่งนำไปใช้เป็นเครื่องมือได้
3.ใช้ป้องกันไฟได้ ด้วยการออกแบบเพื่อให้มีความทนทานสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเกิดอัคคีภัย และมีตู้เซฟฯ แบบเคลื่อนที่ได้ สามารถใช้ป้องกันไม่ให้ไฟลามเข้ามาตัวได้
4.ป้องกันของมีค่าจากมด แมลง ปลวก ที่เป็นอันตราย รวมถึงแมลงอื่น ๆ ทำให้ของมีค่าคงอยู่ได้อย่างปลอดภัย ไม่ถูกทำลาย
5.เก็บของสำคัญได้เมื่อเกิดอุทกภัยขึ้นมา โดยเฉพาะน้ำท่วมเฉียบพลันจนทำให้เก็บสิ่งของบางอย่างออกจากพื้นที่ได้ไม่ทันการณ์ สามารถเก็บไว้ในตู้เซฟได้ ไม่ต้องกลัวเปียกน้ำ หรือลอยหายไป เพราะตู้เซฟมีน้ำหนักมาก จึงจะตั้งอยู่ที่เดิม
6.ช่วยให้เก็บของที่มีความสำคัญเอาไว้ได้อย่างเป็นที่เป็นทาง ไม่ต้องปะปนกับอย่างอื่น ช่วยให้รู้ที่เก็บ หาง่าย เพราะรู้ว่าสิ่งของเหล่านี้จะต้องอยู่ที่ไหน
7.ใช้เป็นพื้นที่สำหรับเก็บเงินสดจำนวนมาก ๆ เอาไว้ได้ สำหรับคนที่ต้องการรักษาสภาพคล่องทางการเงิน เพราะการเก็บเอาไว้ในธนาคาร หรือการลงทุนบางอย่าง เสี่ยงที่เงินอาจถอนยาก หรือสูญหายได้
8.ช่วยให้เกิดความรู้สึกสบายใจ ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เมื่อต้องออกจากบ้านไปทำงาน เพราะของสำคัญถูกเก็บเอาไว้อย่างดีแล้วในตู้เซฟ
9.ตู้เซฟขนาดใหญ่ สามารถใช้กั้นทำหน้าที่เป็นกำแพงได้ในตัว ทำให้พื้นที่ถูกใช้งานได้อย่างคุ้มค่า
ข้อเสียของตู้เซฟ
แม้ว่าตู้เซฟจะเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์สำหรับการเก็บรักษาสิ่งของมีค่าให้ปลอดภัย แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ:
ราคา: ตู้เซฟมีราคาตั้งแต่ไม่กี่พันบาทจนถึงหลายแสนบาท ขึ้นอยู่กับขนาด คุณสมบัติ และระดับความปลอดภัย
การติดตั้ง: ตู้เซฟบางรุ่นต้องติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
น้ำหนัก: ตู้เซฟมีน้ำหนักมาก อาจย้ายหรือเคลื่อนย้ายได้ยาก
การเข้าถึง: กรณีฉุกเฉิน อาจเข้าถึงสิ่งของที่เก็บไว้ภายในตู้เซฟได้ยาก โดยเฉพาะหากกุญแจหายหรือระบบล็อคขัดข้อง
ความเสี่ยงจากไฟไหม้: ตู้เซฟทั่วไปไม่ได้ทนไฟ ทรัพย์สินภายในตู้เซฟอาจเสียหายจากไฟไหม้
ความเสี่ยงจากการโจรกรรม: แม้ว่าตู้เซฟจะออกแบบมาเพื่อป้องกันการโจรกรรม แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่มิจฉาชีพจะสามารถงัดหรือเจาะเข้าไปขโมยของภายในได้ โดยเฉพาะตู้เซฟที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ไม่ดี
การบำรุงรักษา: ตู้เซฟบางรุ่นต้องได้รับการบำรุงรักษาเป็นประจำ เช่น การเปลี่ยนแบตเตอรี่ (สำหรับตู้เซฟดิจิตอล) การหล่อลื่นกลไกล็อค เป็นต้น
ข้อจำกัดด้านพื้นที่: ตู้เซฟมีขนาดใหญ่ อาจต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บมาก
ความยุ่งยากในการใช้งาน: ตู้เซฟบางรุ่นใช้งานค่อนข้างยุ่งยาก เช่น การตั้งรหัสล็อค
ความเสี่ยงต่อสุขภาพ: ตู้เซฟเก่าอาจมีฝุ่นละออง สนิม หรือสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม: ตู้เซฟบางรุ่นผลิตจากวัสดุที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากข้อเสียที่กล่าวมาแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจซื้อตู้เซฟ เช่น ประเภทของสิ่งของมีค่าที่ต้องการเก็บรักษา งบประมาณ พื้นที่ที่มี และไลฟ์สไตล์
วิธีเลือกซื้อตู้เซฟนิรภัยให้ใช้งานได้ตอบโจทย์
1.ใช้เก็บทรัพย์สินประเภทไหน
ต้องรู้ก่อนว่าการจะซื้อตู้เซฟนิรภัยสักใบ ต้องการเอาไว้ใช้เก็บทรัพย์สินประเภทไหน เช่น เงินสด, ทองคำ, เครื่องเพชร, เอกสาร เป็นต้น แล้วดูปริมาณของที่ต้องการเก็บว่ามากน้อยเพียงพอ เพื่อจะได้เลือกซื้อตู้เซฟที่เหมาะสม ใส่ทรัพย์สินได้พอดี บางชนิดมีช่องให้เก็บมากกว่า 2 ช่อง เหมาะกับการจัดเก็บแบ่งหมวดหมู่ภายในตู้เดียว ไม่ต้องซื้อทีละหลาย ๆ ใบแยกกัน
2.เลือกใช้ระบบล็อคที่เหมาะสม
ความเหมาะสมในที่นี้คือความสะดวกในการใช้งานสำหรับเจ้าของ และระบบความปลอดภัยว่าต้องการะดับไหน ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบอนาล็อก เป็นการหมุนรหัส แบบดิจิตอลปุ่มกดและแบบหน้าจอทัชสกรีน และแบบที่ได้รับความนิยมอีกอย่างคือการสแกนลายนิ้วมือ
3.ระดับความปลอดภัย
วัสดุของตู้เซฟส่วนใหญ่มาจากเหล็ก มีความหนาของผนังอยู่แล้ว หากต้องการความปลอดภัยในระดับที่ดีเยี่ยม โดยมักจะครบวงจรการดูแล ตั้งแต่กันน้ำ กันไฟ และช่วยป้องกันความชื้นได้ด้วย ตู้เซฟนิรภัยที่มีฟังก์ชั่นเยอะในการปกป้องทรัพย์สินมักมีราคาสูง ดังนั้นควรพิจารณาให้ดีว่าแบบไหนที่เหมาะสม เพราะหากแพงเกินไป อาจไม่คุ้มค่า เพราะตู้เซฟแบบที่มีฟังก์ชั่นต่ำลงมาก็ปกป้องได้ไม่แพ้กัน

ข้อควรระมัดระวังในการใช้ตู้เซฟนิรภัย
1.ระวังอย่าเลือกซื้อตู้เซฟที่เคลื่อนย้ายง่าย หรือมีล้อเลื่อน เสี่ยงที่จะโดนขโมยไปอย่างง่ายดาย
2.ตู้เซฟที่ไม่มีการรับรองมาตรฐาน อาจผลิตมาจากวัสดุที่ไม่มีคุณภาพ ด้านนอกดูแข็งแรง แต่จริง ๆ ภายในยัดด้วยวัสดุที่ทุบก็สามารถทำให้แตกได้แบบง่าย ๆ เพราะฉะนั้นก่อนเลือกซื้อ ควรเลือกแบรนด์ที่ไว้ใจได้ มีการรับประกัน และการดูแลหลังการขาย
3.หากเป็นการซื้อตู้เซฟขนาดใหญ่ ควรหาตำแหน่งวางที่เหมาะสม ห่างไกลจากเด็ก ผู้สูงอายุ และคนอื่น ๆ ภายในที่พักอาศัย หากพื้นที่ตั้งไม่เรียบ เสี่ยงที่ตู้จะล้มลงมาทับ เกิดเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
4.อย่าให้ใครเห็นรหัสขณะเปิด และปิดตู้เซฟ สอดส่องให้ดีก่อนเปิดว่ามีใครแอบดู หรือมีการติดเครื่องดักฟัง หรือเครื่องแฮกเอาไว้ในบริเวณนั้นหรือไม่
5.อย่าใช้รหัสเข้าตู้เซฟนิรภัยที่คาดเดาได้ง่าย เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแฮกข้อมูลจนทำให้ทรัพย์สินถูกขโมยไปได้
จะเห็นได้ว่าตู้เซฟนิรภัยนั้นมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการใช้งานเก็บทรัพย์สินและของมีค่าต่าง ๆ มากมาย ปลอดภัยทั้งจากคน และสภาพแวดล้อมที่อาจทำลายสิ่งของให้เสียหาย ดังนั้นการเลือกซื้อ ควรเลือกแบบที่คุ้มค่ากับการใช้งาน จัดวางในจุดที่มองเห็นได้ยาก เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีที่อาจพยายามเข้ามางัดแงะ