บัตรเครดิตคืออะไร มีประโยชน์ ประเภทและข้อเสียอะไรบ้าง?
บัตรเครดิต (Credit card) คือ บัตรที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินออกให้ลูกค้า เพื่อใช้จ่ายแทนเงินสด หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นบัตรสินเชื่อ ปัจจุบันผู้คนนิยมใช้บัตรชนิดนี้กันอย่างแพร่หลาย เพราะความสะดวกสบาย ไม่ต้องควักเงินเยอะ ๆ จ่ายค่าสินค้า แต่ใช้วงเงินภายในบัตรรูดซื้อก่อน แล้วค่อยจ่ายตามหลัง ซึ่งจะมีข้อกำหนดการจ่ายตามรอบบิลที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินที่เลือกทำ
การเกิดขึ้นของบัตรเครดิตย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ.1914 ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทที่ชื่อว่าเยอเนอรัลปิโตรเลียม คอร์ปอเรชั่น ออฟแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีชื่อเรียกเป็นที่รู้จักในปัจจุบันคือบริษัทโมบิลออยล์ จำกัด ซึ่งวัตถุประสงค์ในการทำบัตรชนิดนี้ขึ้นมา เพื่อมอบให้กับลูกค้าและพนักงานภายในบริษัทนำไปใช้งานจ่ายค่าน้ำมัน แทนการจ่ายด้วยเงินสด ต่อมาในช่วงปี ค.ศ.1950 นักธุรกิจคนหนึ่งลืมพกกระเป๋าสตางค์ติดตัวตอนไปรับประทานอาหาร จึงคิดไอเดียขึ้นมาว่า หากมีบัตรที่ใช้แทนเงินสดได้คงดีไม่น้อย จากนั้นเขากับที่ปรึกษาก็ได้หารือเพื่อสร้างบัตรที่ชื่อว่า “ไดเนอร์สคลับ” ขึ้นมา เพื่อใช้จ่ายแทนเงินสดสำหรับซื้อสินค้าและบริการ กระทั่งในภายหลัง บริษัทอเมริกันเอกซ์เพลสก็เริ่มสร้างบัตรเครดิตขึ้นมาให้กับผู้คนสามารถนำไปใช้งาน และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบัน
ประโยชน์ของบัตรเครดิต
1.ให้ความสะดวกสบายในการชำระเงิน ซึ่งไม่จำเป็นต้องถอนเงินสดจากธนาคารหรือจ่ายเงินด้วยเช็คให้เสียเวลา คุณสามารถใช้บัตรเครดิตในการชําระเงินได้ทุกที่ที่ร้านค้ารับชำระ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านออนไลน์ หรือร้านอาหาร
2.การชําระเงินด้วยบัตรเครดิตเป็นวิธีการชําระเงินที่ปลอดภัยกว่าการใช้เงินสดหรือเช็ค เพราะมีการตรวจสอบตัวตนของผู้ถือบัตร ดังนั้นจึงสามารถเช็คข้อมูลการจ่ายเงินได้ไม่ยาก
3.ได้สิทธิประโยชน์และส่วนลดมากมาย สำหรับคนที่ชอบการสะสมคะแนน และแต้ม นำไปแลกสิทธิประโยชน์ เช่น ส่วนลดเมื่อใช้บัตรชําระเงิน รางวัลคืนเงิน เป็นต้น
4.สามารถทำหน้าที่เป็นตัวจดบันทึกประวัติรายจ่ายได้ ว่าในแต่ละเดือนคุณใช้จ่ายไปกับสินค้าอะไร จำนวนกี่บาท ทำให้วางแผนการเงินได้ดีขึ้น
5.สามารถใช้ผ่อนสินค้าต่าง ๆ ในกรณีที่ไม่อยากจ่ายเงินสดก้อนใหญ่ภายในครั้งเดียว สามารถจ่ายด้วยบัตร และผ่อนผ่านบัตรเครดิตเป็นรายเดือนได้ ซึ่งที่นิยมกันก็คือ ผ่อนแบบ 10 เดือน และ 12 เดือน เป็นต้น
6.ลดความเสี่ยงจากการถูกขโมยเงินในกระเป๋า เพราะเมื่อมีบัตรเครดิตที่ใช้ชำระค่าสินค้าและบริการได้ ทำให้ไม่ต้องพกเงินครั้งละมาก ๆ ไว้ในกระเป๋า
7.สามารถใช้บัตรเครดิตจ่ายค่าสินค้าและบริการแทนได้ เป็นเหมือนเงินสำรอง กรณีลืมพกเงินสดมา จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินไปทำธุรกรรมในธนาคารให้เสียเวลา
8.ทำหน้าที่เป็นเงินสำรองกรณีฉุกเฉิน เพราะสามารถกดเงินสดออกมาได้ ลักษณะคล้ายบัตรกดเงินสด แต่จะมีเรื่องค่าบริการและดอกเบี้ยแตกต่างกันออกไป ทำให้สะดวกเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และต้องใช้เงินก้อนกะทันหันขึ้นมา
9.ช่วยลดการใช้กระดาษ หรือที่เรียกกันว่าสังคม Cashless เป็นเหมือนการรักษาสิ่งแวดล้อมทางอ้อม ช่วยลดการตัดต้นไม้ทำลายป่า
10.รวดเร็วทันใจไม่ต้องเสียเวลาในการนับเงินสด เพราะใช้วงเงินในบัตรจ่ายก่อนได้เลย แล้วค่อยมาชำระเงินส่วนที่ใช้ไปแล้วคืนในภายหลัง
11.ผูกกับการซื้อสินค้าออนไลน์ได้สะดวกสบาย รวดเร็วในการชำระเงิน โดยไม่ต้องเสียเวลารอจ่ายเงินกับพนักงานส่งสินค้า
12.สามารถนำไปใช้จ่ายในต่างประเทศได้ โดยไม่จำเป็นต้องแลกเงินสดตามสกุลเงินของต่างประเทศครั้งละมาก ๆ ทำให้อุ่นใจในการใช้จ่ายมากขึ้น
13.เป็นตัวช่วยสร้างวินัยทางการเงินให้ดีขึ้น คือการรู้จักใช้จ่ายให้พอดี และชำระค่าบัตรเครดิตคืนให้ตรงเวลา เพื่อสร้างเครดิตที่ดีให้กับตัวเอง
14.ผู้ถือบัตรเครดิตมีโอกาสสูงในการกู้สินเชื่อผ่านมากกว่าคนทั่วไป เพราะทางสถาบันที่ปล่อยเงินจะดูวินัยการจ่ายหนี้บัตร นำมาพิจารณาร่วมกับรายได้ และอื่น ๆ ร่วมด้วย
ประเภทของบัตรเครดิต
บัตรเครดิตเมื่อจำแนกตามขอบเขตการใช้งานจะแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1.บัตร International Credit Card
เป็นบัตรที่ใช้งานได้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น บัตร American Express, บัตร Master เป็นต้น
2.บัตร Local Credit Card
บัตรเครดิตที่ใช้งานเฉพาะในพื้นที่ภายในประเทศเท่านั้น ซึ่งจะได้มาจากธนาคารที่อยู่ในภายในประเทศ ไม่สามารถนำไปรูดใช้ในต่างประเทศได้
3.บัตร Store Card
บัตรเครดิตที่มาจากแหล่งจำหน่ายสินค้าเจ้าใหญ่ ๆ สร้างขึ้นเพื่อให้ลูกค้านำไปใช้เฉพาะร้านค้าที่กำหนดเท่านั้น เช่น บัตรเครดิตเทสโก้โลตัส หรือบัตรเครดิตของเซ็นทรัล เป็นต้น
ข้อเสียของการมีบัตรเครดิต
1.หากผู้ใช้มีวินัยวางแผนการเงินไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะทำให้เกิดนิสัยที่ไม่ดีตามมา เพราะเสี่ยงที่จะทำให้ใช้จ่ายโดยไม่คิด เมื่อถึงเวลาชำระเงิน ก็ไม่มีจ่ายตามมา
2.ค่าธรรมเนียมจากบัตรเครดิตในบางสถาบัน จะคิดเป้นรายปี และหากใช้ไม่ครบตามจำนวนที่กำหนด ก็จะมีค่าธรรมเนียมอื่นเพิ่มได้
3.หากบัตรมีวงเงินมาก อาจเสี่ยงโดนแฮกข้อมูลระบบโดยไม่ทันระวังตัว โดยเฉพาะการซื้อสินค้าออนไลน์ที่ต้องผูกบัตรกับแพลตฟอร์ม จะเห็นได้ว่าบัตรเครดิตมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานเองว่าจะสามารถดูแลเครดิตของตัวเองได้ดีแค่ไหน ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจทำก็ควรศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ให้ดี เพราะแต่ละสถาบันที่มีสิทธิ์ในการออกบัตร จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันออกไปด้วย