เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....
หมากฝรั่ง คือ ขนมหวานชนิดหนึ่งที่ทำจากยางสังเคราะห์ มีลักษณะเหนียว เคี้ยวได้ และมักมีรสชาติและกลิ่นต่างๆ เพิ่มเติมเพื่อความอร่อย
ประวัติหมากฝรั่ง:
- สมัยโบราณ: มนุษย์รู้จักเคี้ยววัสดุคล้ายหมากฝรั่งมาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น ชาวมายันเคี้ยวยางไม้จากต้นซาโปติลลา ชาวกรีกโบราณเคี้ยวเรซินจากต้น Pistacia lentiscus
- ยุคใหม่: หมากฝรั่งที่เราคุ้นเคยในปัจจุบันเริ่มผลิตในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยใช้ยางธรรมชาติจากต้นซาโปติลลาเป็นส่วนผสมหลัก ต่อมาจึงพัฒนามาใช้ยางสังเคราะห์แทน
ส่วนประกอบของหมากฝรั่ง:
- เบสหมากฝรั่ง (Gum base): เป็นส่วนประกอบหลักที่ทำให้หมากฝรั่งมีความเหนียวและยืดหยุ่น
- สารให้ความหวาน: เช่น น้ำตาล, น้ำเชื่อมข้าวโพด, หรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล
- สารเพิ่มรสชาติ: ให้รสชาติต่างๆ เช่น สตรอว์เบอร์รี, เปปเปอร์มินต์, หรือผลไม้รวม
- สารแต่งกลิ่น: ให้กลิ่นหอมต่างๆ เช่น วานิลลา, ช็อกโกแลต, หรือผลไม้
- สารให้ความนุ่ม: เช่น กลีเซอรีน หรือเลซิติน
- สีผสมอาหาร: ให้สีสันที่น่ารับประทาน
ประโยชน์ของหมากฝรั่ง
หมากฝรั่ง นอกจากจะเป็นขนมที่ให้ความเพลิดเพลินในการเคี้ยวแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพและการทำงานของร่างกายในหลายด้าน ดังนี้
ประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปาก:
- กระตุ้นการผลิตน้ำลาย: การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลาย ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะล้างเศษอาหารและแบคทีเรียในช่องปาก ลดความเสี่ยงของฟันผุและโรคเหงือก
- ลดการสะสมของคราบพลัค: น้ำลายที่ผลิตจากการเคี้ยวหมากฝรั่งยังช่วยลดการสะสมของคราบพลัคบนผิวฟัน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของฟันผุ
- เพิ่มความเป็นกรด-ด่างในช่องปาก: น้ำลายมีฤทธิ์เป็นกลางหรือเป็นด่างเล็กน้อย ซึ่งช่วยลดความเป็นกรดในช่องปากที่เกิดจากแบคทีเรียที่ย่อยสลายน้ำตาล ทำให้ลดความเสี่ยงของฟันผุ
- เสริมสร้างแร่ธาตุให้ฟัน: หมากฝรั่งบางชนิดมีส่วนผสมของแคลเซียมและฟอสเฟต ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแรงของฟัน
ประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ:
- ลดความเครียดและความวิตกกังวล: การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความเครียดได้
- เพิ่มสมาธิและความจำ: การเคี้ยวหมากฝรั่งสามารถช่วยเพิ่มสมาธิ ความตื่นตัว และความจำระยะสั้นได้
- ลดอาการง่วงนอน: การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและระบบประสาท ทำให้รู้สึกตื่นตัวและลดอาการง่วงนอน
- ช่วยลดอาการคลื่นไส้และอาเจียน: หมากฝรั่งบางชนิดที่มีส่วนผสมของขิงหรือเปปเปอร์มินต์อาจช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้
- ช่วยลดอาการกรดไหลย้อน: การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลาย ซึ่งช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหารและลดอาการแสบร้อนกลางอก
ข้อควรระวัง:
- เลือกหมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาล: เพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียต่อสุขภาพฟัน ควรเลือกหมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาลหรือใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล
- เคี้ยวในปริมาณที่พอเหมาะ: การเคี้ยวหมากฝรั่งมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการปวดขากรรไกรหรือปัญหาข้อต่อขากรรไกรได้
- ไม่ควรกลืนหมากฝรั่ง: หมากฝรั่งไม่สามารถย่อยได้ หากเผลอกลืนเข้าไป อาจทำให้เกิดอาการท้องผูกหรือลำไส้อุดตันได้
หมากฝรั่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปากและร่างกายหลายประการ แต่ควรเลือกชนิดที่ปราศจากน้ำตาลและเคี้ยวในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดและหลีกเลี่ยงผลเสียที่อาจเกิดขึ้น
โทษของหมากฝรั่ง
แม้ว่าหมากฝรั่งจะมีประโยชน์หลายด้าน แต่การบริโภคหมากฝรั่งก็อาจมีโทษหรือผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป หรือเลือกหมากฝรั่งที่ไม่เหมาะสม
ผลเสียต่อสุขภาพช่องปาก:
- ฟันผุ: หมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเป็นอาหารของแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งจะผลิตกรดที่ทำลายเคลือบฟันและนำไปสู่ฟันผุ
- ปัญหาเกี่ยวกับฟันปลอม: หมากฝรั่งอาจติดอยู่กับฟันปลอม ทำให้เกิดความเสียหายหรือหลุดได้
ผลเสียต่อระบบทางเดินอาหาร:
- ปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร: การเคี้ยวหมากฝรั่งมากเกินไปอาจทำให้กลืนอากาศเข้าไปในกระเพาะอาหารมากเกินไป ทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือมีแก๊สในกระเพาะอาหาร
- ลำไส้อุดตัน: ในกรณีที่กลืนหมากฝรั่งเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ หมากฝรั่งอาจไปรวมตัวกับสารอื่นๆ ในลำไส้และทำให้เกิดการอุดตันได้ แม้ว่าจะเป็นกรณีที่พบได้น้อยมาก
- ท้องเสีย: หมากฝรั่งบางชนิดที่มีสารให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น ซอร์บิทอล หรือไซลิทอล อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้หากบริโภคในปริมาณมาก
ผลเสียอื่นๆ:
- ปวดกรามและปัญหาข้อต่อขากรรไกร: การเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นเวลานานหรือเคี้ยวบ่อยเกินไป อาจทำให้เกิดอาการปวดกราม หรือปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อขากรรไกรได้
- อันตรายจากสารปรุงแต่ง: หมากฝรั่งบางชนิดอาจมีสารปรุงแต่ง เช่น สีผสมอาหาร สารกันเสีย หรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้หากได้รับในปริมาณมากเกินไป
ข้อควรระวัง:
- เลือกหมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาล: เพื่อลดความเสี่ยงของฟันผุ ควรเลือกหมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาล หรือใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น ไซลิทอล
- เคี้ยวในปริมาณที่พอเหมาะ: ไม่ควรเคี้ยวหมากฝรั่งตลอดเวลา หรือเคี้ยวในปริมาณที่มากเกินไป
- ไม่ควรกลืนหมากฝรั่ง: หากเผลอกลืนหมากฝรั่งเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ต้องกังวลมากเกินไป เพราะส่วนใหญ่มักจะถูกขับถ่ายออกมาทางอุจจาระได้เอง แต่ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์
- อ่านฉลากส่วนผสม: ก่อนซื้อหมากฝรั่ง ควรอ่านฉลากส่วนผสมเพื่อตรวจสอบว่ามีสารปรุงแต่งที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่
การบริโภคหมากฝรั่งอย่างมีสติและเลือกชนิดที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากหมากฝรั่งโดยลดความเสี่ยงของผลเสียที่อาจเกิดขึ้นได้