
ผ้าขาวม้าคืออะไร มีประโยชน์ ประเภท และอันตรายอะไรบ้าง?
ผ้าขาวม้า(Loincloth) คือ ผ้าเอนกประสงค์อย่างหนึ่งที่ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผลัดเปลี่ยนเพื่ออาบน้ำ ใช้นุ่งเป็นผ้าเตี่ยว หรือนำมาคาดเอวเอาไว้เช็ดหน้าหรือเช็ดเหงื่อตามร่างกาย ไปจนถึงการใช้งานอื่น ๆ ตามความเหมาะสม
อย่างไรก็ตามผ้าขาวม้า ไม่ได้ถูกเรียกชื่อนี้มาตั้งแต่แรก ไม่มีชื่อเสียงที่รู้จักกันแพร่หลายแต่อย่างใด ทว่าในบางประเทศก็รู้จักผ้าชนิดนี้ นิยมใช้งานกับภายในชนบทท้องถิ่น หรือตามชุมชน แม้ว่าชื่อเรียกจะมีคำว่าขาวอยู่ในนั้น แต่กลับไม่ได้สัมพันธ์กับสีขาว หรือแม้กระทั่งม้าเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเป็นชื่อที่มีรากศํพท์มาจากภาษาเปอร์เซียที่เรียกกันว่า “กะมัรบันด์” หรือเขียนเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Kamar band
คำว่า กะมัร หมายถึง เอว ส่วนบันด์ หมายถึง การพันผ้า และการสืบทอดประเภทของผ้าชนิดนี้มาจากการสวมใส่ผ้าขาวม้าลายตารางของเหล่าขุนนางและพ่อค้ชาวเปอร์เซียตั้งแต่ในสมัยอยุธยา ในยุคนั้น ไม่ใช่แค่ผ้าคาดเอวธรรมดา แต่ยังเป็นเสมือนเครื่องบอกสถานะของผู้สวมใส่ได้อีกด้วย
ที่มาของคำว่าผ้าขาวม้าที่เพี้ยนมาจากคำว่า “กามาร์” จึงถือว่าเป็นคำศัพท์เรียกโบราณที่ใช้มาจนถึงปัจจุบันการใช้ประโยชน์จากผ้าขาวม้ามีมายาวนานตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 ตรงกับสมัยเชียงแสนของคนไทย ส่วนใหญ่นิยมสวมใส่ในผู้ชาย ทั้งการคาดเอวและโพกศีรษะ ซึ่งนิยมอย่างมากในชาวไทยใหญ่ การคาดเอวของชายไทยยุคนั้นก็เพื่อความสะดวกในการใช้งานเมื่อต้องเดินทางไกลเป็นหลัก
ประโยชน์ของผ้าขาวม้า
1.ใช้เป็นผ้าเช็ดหลังอาบน้ำ เนื้อผ้าจะช่วยซับน้ำได้ดีในระดับหนึ่ง สามารถตากให้แห้งได้อย่างรวดเร็ว จึงนำกลับมาใช้ซ้ำได้ง่าย
2.ใช้เช็ดทำความสะอาดร่างกายที่สกปรก ด้วยการใช้ผ้าขาวม้าชุบน้ำหมาด ๆ แล้วเช็ดไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
3.สามารถนำมาใช้โพกศีรษะแทนหมวก ช่วยปกป้องหนังศีรษะจากแสงแดดและความร้อนได้
4.นำมาใช้ทำเป็นเสื่อปูรองนั่งในยามฉุกเฉิน กรณีที่ไม่มีเสื่อหรือที่รองอื่น ๆ ในบริเวณที่อาจจะทำให้เสื้อผ้าสกปรก
5.ใช้ในการห่มหรือคลุมร่างกายในยามอากาศหนาวแทนผ้าห่มได้ ช่วยทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น
6.นำมาม้วนให้เป็นก้อน และพับทบเข้าด้วยกันให้เป็นชั้นหน้า นำไปใช้หนุนแทนหมอนได้
7.ใช้สวมใส่ปกปิดร่างกายเมื่อต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะทำหน้าที่ได้เหมือนกับผ้าเช็ดตัว มีความหนาพอประมาณ จึงบดบังร่างกายได้
8.ผ้าขาวม้าจะมีเส้นใยที่เหนียว นำมาม้วนแล้วมัดใช้งานแทนเชือกในยามจำเป็นได้
9.ผ้าขาวม้าที่มีลวดลายสวยงาม สามารถนำมาใช้เป็นผ้าคลุมโต๊ะ ช่วยทำให้เกิดความโดดเด่น ดูคลาสสิคไปอีกแบบ
10.ผ้าขาวม้าที่ไม่ใช้แล้ว สามารถนำมาตัดทำเป็นเศษผ้าขี้ริ้ว หรือเป็นพรมเช็ดเท้า ช่วยซับน้ำได้ดี
11.กรณีฉุกเฉิน ใช้งานเป็นผ้าพันแผลห้ามเลือดได้ ด้วยการนำไปพันรอบแผลที่มีเลือดออก จะช่วยซับเลือดที่ไหลออกมา และมัดบริเวณปากแผลให้เลือดหยุดไหลได้ไวขึ้น ลดการเสียเลือดได้
12.สามารถนำมาปูรองเป็นผ้าปูที่นอนรองซับสำหรับคนสูงอายุที่อาจปัสสาวะหรืออุจจาระออกมาแบบไม่รู้ตัว ไปจนถึงผู้ป่วยติดเตียง ผ้าขาวม้าจะช่วยซับของเหลว ช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
13.สามารถนำมาใช้คลุมสิ่งของ เครืองเรือนต่าง ๆ ที่ต้องการเก็บ รักษา เพื่อปกป้องฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก

ประเภทของผ้าขาวม้า
ผ้าขาวม้าจัดแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ตามลวดลาย ๆ ด้วยกัน ดังนี้
1.ผ้าขาวม้าลายตารางหมากรุก
เป็นลักษณะที่นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เป็นลายตารางหมากรุกซึ่งมักจะผสมผสานระหว่างสี 2 สีเข้าด้วยกัน จะเป็นลายที่เห็นตารางขนาดใหญ่ชัดเจน
2.ผ้าขาวม้าลายตาเล็ก
ไม่ค่อยแตกต่างจากลายหมากรุก แต่มีตาที่เล็กกว่า มีการผสมผสานสีเส้นใยผ้าตั้งแต่ 2 สีขึ้นไป
3.ผ้าขาวม้าลายไส้ปลาไหล
จะเป็นลายตารางแนวยาวขนามไปด้วยกัน ให้ความสวยงามที่แตกต่างจากสองกลุ่มแรก อาจมีการสลับสี หรือลูกเล่นเป็นเส้นลายตัดขวาง เมื่อมองแล้วจะเห็นเป็นเหมือนลายผ้าแบบยาว ๆ เรียงสลับกันเป็นเส้น
4.ผ้าขาวม้าลายตาหมู่
เป็นการนำเอาลวดลายระหว่างไส้ปลาไหลกับลายตาเล็กมาผสมเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นลายแบบตาหมู่ ที่เห็นทั้งลายหมากรุกตาเล็ก และลายเส้นไส้ปลาไหลอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว
อันตรายที่ควรระวังจากการใช้งานผ้าขาวม้า
1.เนื่องจากเป็นผ้าที่มีความเหนียวและเป็นผืนยาว สามารถม้วนทำเป็นเชือกได้ จึงไม่ควรเก็บไว้ใกล้กับผู้ป่วยซึมเศร้า หรือคนที่คิดสั้น เพราะสามารถนำไปใช้เป็นอุปกรณ์ในการปลิดชีพได้
2.เนื้อผ้าขาวม้าที่ผลิตมาจากเส้นใยไม่มีคุณภาพ หากนำมาใช้งาน อาจเกิดฝุ่นละอองจนกระทบต่อสุขภาพ ทำให้เกิดภูมิแพ้ตามมา
3.สีที่ใช้ย้อมเส้นใยผ้าขาวม้าบางชนิดที่มีราคาถูก อาจมาจากสีที่มีสารเคมีรุนแรง เมื่อนำมาใช้งานสัมผัสกับร่างกาย อาจเป็นพิษจนทำให้ระคายเคืองอย่างรุนแรงลุกลามไปทั่วร่างกายได้
ผ้าขาวมือถือว่าเป็นผ้าที่ใช้งานได้อย่างหลากหลาย และยังคงได้รับความนิยมเป็นของใช้ในยุคปัจจุบัน ด้วยลวดลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงมีการพัฒนานำผ้าไปใช้ผลิตเป็นของใช้ต่าง ๆ เพื่อให้เข้ากับสังคมยุคใหม่มากขึ้น จึงช่วยให้ผ้าชนิดนี้ยังคงเป็นวัฒนธรรมที่คงอยู่ไม่สูญหายไปตามกาลเวลา