การเดินคืออะไร มีประโยชน์ เทคนิคและอันตรายอะไรบ้าง?
การเดิน(Walking) คือ การเคลื่อนไหวร่างกายรูปแบบหนึ่งของสัตว์ที่มีขา รวมถึงมนุษย์ด้วย โดยการเดินของมนุษย์จะมีลักษณะการเคลื่อนไหวแบบก้าวไปด้านหน้าด้วยขาทีละข้างสลับกัน หรือการถอยหลังก็จะก้าวเท้าไปด้านหลัง เริ่มต้นจากข้างที่ถนัดก่อน ส่วนอีกข้างจะต้องรอให้ด้านข้างที่ก้าวไปก่อนทรงตัวนิ่งแล้วก้าวตามนำหน้าไป สลับกันไปมา ซึ่งกระบวนการเดินนี้สามารถทำได้อย่างอัตโนมัติด้วยการทำงานของสมอง จึงสามารถเดินได้ทั้งช้าและเร็ว
การเดินของมนุษย์เรียกว่าการเดินสองแบบเท้า(bipedalism) เชื่อว่าคือการปรับตัวด้านพื้นฐานสุดของสัตว์ในกลุ่มนี้ ที่มีวิวัฒนาการมาจากลิงชิมแปนซีที่แยกสายพันธุ์กันออกไปแล้ว เมื่อวัยทารกจะยังไม่สามารถเดินได้เอง ต้องมีการฝึกหัดกล้ามเนื้อ การเจริญเติบโตของร่างกายให้มีความแข็งแรงมากพอ รวมถึงทักษะด้านสมอง เริ่มต้นจากการคลาน นั่ง แล้วจึงค่อยพยายามลุกเดินด้วยตัวเอง
การเคลื่อนไหวแบบนี้ไม่ใช่แค่ช่วยให้สามารถเดินจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งที่ต้องการได้เท่านั้น แต่ยังเป็นยาอายุวัฒนะที่ให้ประโยชน์อย่างมากมาย เรียกได้ว่านี่คือการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม มีข้อจำกัดน้อย เพราะการเดินไม่ต้องเจอกับแรงกระแทก สามารถทำได้ทั้งในเด็ก วัยรุ่น วัยกลางคน วัยผู้ใหญ่ ไปจนถึงผู้สูงอายุ
ประโยชน์ของการเดิน
1.เปรียบเสมือนการออกกำลังกาย ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน
2.ช่วยกระชับผิวให้ดูเฟิร์ม ด้วยการเดินเพียงแค่วันละ 30 นาที ด้วยสลับเดินช้าและเร็ว
3.ช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ
4.ประยุกต์เป็นการออกกำลังกายสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัด หรือมีปัญหาเรื่องกระดูกข้อต่อ การเดินออกกำลังกายจะไม่ทำให้ร่างกายต้องเจอกับแรงกระแทกที่รุนแรง
5.ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจถูกกระตุ้น ระบบไหลเวียนเลือดสูบฉีดได้ดี หัวใจแข็งแรงมากขึ้น
6.การเดินทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออกมา ทำให้เกิดความรู้สึกมีความสุข ลดความเครียด อารมณ์ดี
7.ลดอาการตึงของกล้ามเนื้อในกลุ่มคนทำงานที่ต้องนั่งหน้าจอตลอดทั้งวัน การลุกเดินระหว่างวัน ช่วยให้เกิดการยืดเส้นยืดสาย ลดอาการปวดเมื่อยได้
8.เป็นการออกกำลังกายช่วยลดน้ำหนักส่วนเกินที่ได้ผล และปลอดภัยต่อร่างกายด้วย
9.ช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์ ลดการเสื่อมถอยของเซลล์ภายในร่างกาย เสมือนยาอายุวัฒนะที่ทำให้แลดูอ่อนกว่าวัย
10.ช่วยกระตุ้นระบบการทำงานของปอดให้แข็งแรง ด้วยการเดินแบบกำหนดลมหายใจเข้าและออก ให้มีความสม่ำเสมอ เป็นการบริหารปอดแบบง่าย ๆ
11.ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยรถยนต์ หรือรถประจำทางสาธารณะ เมื่อต้องเดินทางไปสถานที่ ๆ ไม่ไกล สามารถใช้การเดินไปยังจุดหมายปลายทางได้
12.การเดินทำให้เราได้พบเจอคนรู้จักที่เดินผ่านไปมาระหว่างทาง ได้ทักทายแบบเห็นหน้า สร้างสัมพันธไมตรีได้
13.การเดินช่วยป้องกันการเกิดโรคได้หลากหลาย ตั้งแต่โรคเบาหวาน, ความดัน, หัวใจ ไปจนถึงโรคมะเร็ง
14.ลดการเกิดภาวะความจำเสื่อม โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การเดินเป็นประจำเกือบทุกวัน จะช่วยลดการหดตัวเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง และลดการเสื่อมสภาพของเซลล์สมอง
เทคนิคการเดินให้ถูกต้อง
1.การเดินจะต้องปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างสบาย ไม่เกร็ง ปล่อยไหล่ ไม่งองุ้ม หรือก้มตัวเดินจนหลังห่อ
2.ขณะเดินสายตาควรมองตรงไปด้านหน้าในทิศที่จะไป และมองไกลไปในระยะ 5-6 เมตร
3.การลงน้ำหนักที่ถูกต้อง จะต้องวางส้นเท้าลงก่อนแล้วค่อยจนถึงปลายเท้า เพื่อไม่ให้เกิดการกระแทก และช่วยให้เท้ารับน้ำหนักได้โดยไม่บาดเจ็บ
4.การก้าวเท้าออกเดินต่อ จะต้องยกส้นเท้าเพื่อช่วยส่งน้ำหนักไปให้เท้าส่วนหน้า ทำให้มีแรงสมดุล
5.ขณะเดินจะต้องแกว่งแขวนเล็กน้อยประมาณ 90 องศา ทำมุมกับช่วงหน้าอก เพื่อให้ร่างกายทรงตัวอยู่ได้ และช่วยให้เกิดความสมดุล
6.ก้าวเดินให้เกิดความสม่ำเสมอเท่ากัน ไม่ลงน้ำหนักไปข้างใดข้างหนึ่งมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการบาดเจ็บ
7.ระยะก้าวเท้าของแต่ละคนแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความสูงและสรีระ แต่ไม่ควรก้าวเท้ายาวจนเกินไป เพื่อให้ร่างกายถ่ายน้ำหนักตัวลงไปยังเท้าทั้งสองข้างได้อย่างสมดุลตลอดทาง
อันตรายที่ควรระวังจากการเดิน
1.การรีบเดินจนเกินไป เสี่ยงที่จะเกิดการหกล้ม สะดุด หรือขาพันกันจนเกิดเสียจังหวะ บาดเจ็บได้
2.หากเดินด้วยการสวมใส่รองเท้าที่สูงจนเกินไป เสี่ยงที่จะเกิดข้อเท้าแพลง กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณข้ออักเสบรุนแรงตามมา
3.การเดินที่ไม่ถูกต้องเป็นประจำ ไม่เพียงแค่ทำให้เสียบุคลิกเท่านั้น แต่ยังทำให้ข้อเท้าและหัวเข่าเกิดบาดเจ็บ เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว
4.หากเดินผิดท่า ทำให้เสียบุคลิกภาพ ดูเป็นคนไม่มีความมั่นใจ เสี่ยงกระดูกสันหลังคดจนเหมือนการเดินงอตัวไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา
5.การเดินในผู้สูงอายุ โดยไม่มีคนคอยดูแล อาจเสี่ยงหากล้มได้ง่าย เนื่องจากความถดถอยของร่างกาย และการทำงานของสมอง ทำให้ควบคุมการเดินไม่ดีอย่างเคย กลายเป็นอุบัติเหตุที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากไม่ระมัดระวัง
เมื่อการเดินเป็นการเคลื่อนไหวของมนุษย์ ดังนั้นควรฝึกให้ถูกวิธีตั้งแต่ในช่วงที่ยังอยู่ในวัยแข็งแรง เดินให้มากในชีวิตประจำวัน และใช้เป็นอีกทางเลือกของการออกกำลังกาย เมื่อทำเป็นวินัยได้อย่างสม่ำเสมอ การเดินจะเป็นประโยชน์มากมายต่อสุขภาพได้อย่างไม่น่าเชื่อ