
การออกกำลังกายคืออะไร มีประโยชน์ ประเภทและอันตรายอะไรบ้าง?
การออกกำลังกาย(Exercise) คือ กิจกรรมที่ช่วยดูแลสุขภาพชนิดหนึ่ง ที่ใช้การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยเสริมสมรรถภาพทางกายให้แข็งแรงยิ่งกว่าเดิม แถมยังช่วยดูแลสุขภาพ เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และกระตุ้นระบบเผาผลาญ กระชับหุ่นให้ดีขึ้นไปพร้อมกัน โดยทั่วไปการออกกำลังกายสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน โดยวัตถุประสงค์หลักของกิจกรรมนี้ก็เพื่อช่วยให้สุขภาพแข็งแรง และดูแลรูปร่าง โดยเฉพาะในคนที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน
ในอดีตที่ผู้คนเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำทุกวัน การออกกำลังกายจึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนทั่วไปเท่าใดนัก แต่ทว่ามักนิยมใช้ฝึกร่างกายในกลุ่มที่เป็นนักกีฬากันอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่สมัยกรีกโรมันโบราณ ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก มีระบบจัดการการฝึกฝนรางกายเพื่อให้แข็งแรง ลดความเหนื่อย เพิ่มความอดทน โดยการฝึกจะเน้นรูปแบบที่ใกล้เคียงกับการฝึกทางทหาร ซึ่งเป็นรูปแบบดั้งเดิมที่นำมาสู่การออกกำลังกายที่หลากหลายในปัจจุบัน
ประโยชน์ของการออกกำลังกาย
1.ช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม เป็นเกราะป้องกันช่วยลดการเจ็บป่วย และบรรเทาอาการป่วยเดิมที่เป็นอยู่
2.ช่วยลดความเครียด ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น อารมณ์คงที่ ไม่แปรปรวน มีความรู้สึกเบาสบายหลังจากการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ และสม่ำเสมอ
3.หลังจากการออกกำลังกาย จะทำให้ธรรมชาติของร่างกายอยากพักผ่อน ดังนั้นเหมาะสำหรับคนที่นอนหลับยาก ช่วยให้หลับได้ดี และหลับลึก ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น
4.ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและเส้น เมื่อออกกำลังกายต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว
5.ทำให้ไม่รู้สึกงัวเงียหลังตื่นนอน จะรู้สึกได้ว่ามีพลังมากพอสำหรับการทำงานและกิจกรรมประจำวันต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6.ช่วยปรับสมดุลระบบร่างกาย ทำให้ระบบฮอร์โมน ความดัน การทำงานของหัวใจ และอวัยวะต่าง ๆ ดีขึ้นกว่าเดิม
7.เป็นตัวช่วยควบคุมน้ำหนัก และลดความอ้วนที่ดีที่สุด โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายตามมา หากออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน จะเห็นผลจากรูปร่างที่ดีขึ้น น้ำหนักลดลง กล้ามเนื้อกระชับ ดูสุขภาพดีในระยะยาวอีกด้วย
8.ช่วยป้องกันการเกิดภูมิแพ้ ในกลุ่มคนที่เคยมีปัญหาด้านสุขภาพ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยทำให้ร่างกายมีเกราะป้องกัน ลดภาวะภูมิแพ้ต่าง ๆ ได้มากขึ้น
9.ช่วยการทำงานของระบบสมอง ทำให้ทำงานได้ดีขึ้น ตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ได้รวดเร็ว ตื่นตัว รู้สึกไม่ง่วงเหงาหาวนอนในระหว่างวัน
10.ลดอาการเหนื่อยง่าย ทำให้กล้ามเนื้อมีความอดทนสูง ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง หรือเคลื่อนไหวร่างกายในท่าอื่น ก็ทำได้นาน
11.ช่วยทำให้ปอดและกระบังลมแข็งแรง เพราะขณะออกกำลังกายจะต้องหายใจอย่างหนัก เป็นการฝึกกล้ามเนื้อปอดให้มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นไปในตัว
12.เป็นตัวช่วยดูแลสุขภาพผิวได้ดี โดยไม่ต้องพึ่งผลิตภัณฑ์เคมีใด ๆ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยทำให้ผิวดูใส อ่อนเยาว์ ใบหน้าดูเด็กลงกว่าอายุจริง
13.ชะลอการเกิดภาวะเสื่อมสภาพของมวลกระดูก ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุน และยังช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้มวลกระดูกมากขึ้นได้
14.เป็นตัวช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินภายในร่างกายที่ถูกสะสมไว้ให้ลดลง และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อเข้ามาแทนที เป็นผลดีต่อสุขภาพโดยรวม และทำให้รูปร่างกายชับสมส่วน
15.ลดอาการออฟฟิศซินโดรมในคนยุคใหม่ที่ต้องนั่งทำงานอยู่กับที่ตลอดเวลา สามารถใช้กิจกรรมการออกกำลังกายอย่างเบา ๆ ในระหว่างวัน เพื่อยืดกล้ามเนื้อและเส้น ลดอาการปวดเมื่อยได้

ประเภทของการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ด้วยกัน คือ
1.การออกกำลังกายแบบแอโรบิค (Aerobic)
เป็นลักษณะของการออกกำลังกายโดยใช้ออกซิเจน ซึ่งจะเน้นท่าที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ทำให้ร่างกายดึงเอาออกซิเจนมาใช้มากกว่าเดิม ผลลัพธ์คือทำให้ร่างกายแข็งแรง ระบบหลอดเลือดและหัวใจทำงานได้ดี เช่น การเดินเร็ว, การวิ่ง, การปั่นจักรยาน, การว่ายน้ำ เป็นต้น
2.การออกกำลังกายแบบแอนแอโรบิค (Anaerobic)
กิจกรรมประเภทนี้จะไม่ใช้ออกซิเจนเข้ามาช่วย เน้นการฝึกความแข็งแกร่งให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก อีกทั้งยังช่วยปรับปรุงให้ร่างกายทรงตัวได้ดี มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้นในการนั่งและยืน ซึ่งจะเน้นการออกกำลังกายอย่างหนักกับแบบพักระยะสั้นสลับไปกันไปมา เช่น การวิ่งเร็ว เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผลช่วยลดไขมันส่วนเกิน เพิ่มและรักษามวลกล้ามเนื้อในระยะยาว
3.การออกกำลังกายแบบยืดกล้ามเนื้อ
ถือว่าเป็นการออกกำลังกายอย่างง่าย ๆ แต่ได้ประโยชน์ไม่แพ้กัน ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อและข้อต่อยืดหยุ่น ลดอาการเจ็บปวด ลดการบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหว มักจะเป็นประเภทที่ทำร่วมกับการออกกำลังกายในสองแบบแรก
อันตรายที่ควรระวังในการออกกำลังกาย
1.หากออกกำลังกายมากจนเกินขีดกำหนดของร่างกาย เสี่ยงที่จะทำให้หัวใจทำงานหนัก จนเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว เสียชีวิตตามมาได้
2.การออกกำลังกายในท่าที่ผิด ๆ เสี่ยงที่จะทำให้กล้ามเนื้อ ข้อต่อ และกระดูกบาดเจ็บรุนแรง
3.หากมีโรคประจำตัวแล้วออกกำลังกายมากเกินไป อาจทำให้อาการป่วยกำเริบขึ้นมาได้
4.ถ้าไม่มีความรู้ในการออกกำลังกายอย่างถูกต้อง แทนที่ร่างกายจะมีสุขภาพที่ดี กลับกลายเป็นว่ายิ่งทำลายสุขภาพ ทำให้มวลกล้ามเนื้อเสียหายแทนที่ไขมันจะถูกกำจัดออกไป
เราจะพบว่าการออกกำลังกาย หรือการฝึกร่างกายนั้นจะดำเนินมาอย่างต่อเนื่องในสังคมมนุษย์ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ในอดีตชี้ชัดว่าเป็นกิจกรรมเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่การแข่งขัน หรือการแสดงที่ต้องใช้ร่างกาย ส่วนในปัจจุบัน การออกกำลังกายจะเป็นการดูแลสุขภาพ อารมณ์ ช่วยลดความเครียด ทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี จนเกิดเป็นการกิจกรรมที่แตกแขนงกันออกไป แตกต่างกันตามแต่ใครจะคิดค้นขึ้น เพื่อทำให้เกิดความสนุกสนานไม่น่าเบื่อ