รถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร มีประโยชน์ ข้อควรรู้ในการใช้งานและอันตรายอย่างไรบ้าง?
รถยนต์ไฟฟ้า(Electric Vehicle) คือ รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า มอเตอร์ด้านในใช้แบตเตอรี่หรืออุปกรณ์ที่สามารถเก็บพลังงานได้ เหมือนแบตฯ ของมือถือ หรือโน้ตบุค การปรากฏตัวขึ้นของรถชนิดนี้ที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่ารถ EV มีมาตั้งแต่ในทศวรรษ 1880 และได้รับความนิยมใช้งานในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19-20 แต่ในช่วงนั้น ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีถือว่ายังมีน้อย การชาร์จแบตฯ มีความยุ่งยาก ระบบเครื่องยนต์ไม่เสถียร แม้พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อน จะมีอัตราเร่งที่คงที่ รวดเร็ว และให้ความเสถียรมากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันก็ตาม
แม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ผู้คนให้ความสนใจกับรถยนต์ EV ในยุคนั้น ทว่าช่วงปี 1970 พบปัญหาวิกฤตพลังงาน จนทำให้รถไฟฟ้ากลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง มีการเริ่มฟื้นฟูการผลิตและนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ.2008 มีการแก้ไขจุดบกพร่อง ทำให้ใช้งานได้ง่าย และยังช่วยลดมลพิษทางอากาศ เพราะไม่มีไอเสียที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ ซึ่งในปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มแพร่หลายมากขึ้น มีระบบชาร์จติดตั้งเอาไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อการชาร์จได้สะดวก แม้จะยังมีข้อจำกัดอยู่มาก แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาใช้ทดแทนพลังงานน้ำมันที่เริ่มขาดแคลน
ประโยชน์ของรถยนต์ไฟฟ้า
1.ช่วยประหยัดพลังงาน เนื่องจากมอเตอร์ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า มีแบตเตอรี่ด้านในกักเก็บพลังงานเอาไว้ ทำให้รถสามารถวิ่งได้ ลดภาระค่าใช้จ่ายที่มาจากการเติมน้ำมันให้น้อยลง
2.ไม่มีไอเสีย ทำให้ไม่เกิดมลพิษทางอากาศ และกลิ่นเหม็นที่จากท่อไอเสีย ไร้ควันรบกวน ไม่ต้องกังวลเรื่องเชื้อเพลิงที่มาจากน้ำมัน
3.ดีไซน์ของรถยนต์ไฟฟ้ามีความสวยงาม ออกแบบได้ยืดหยุ่นกว่ารถที่ใช้พลังงานขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน ไม่ต้องมีท่อไอเสีย ทำให้ดูเรียบหรู มินิมอล และมีเครื่องยนต์ที่ไม่ซับซ้อน
4.มีฟังก์ชั่นการทำงานที่ทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะระบบคอนโทรลด้านหน้ารถซึ่งจะออกแบบให้เป็นระบบทัชสกรีนทั้งหมด เหมือนกับเครื่องมือถือสมาร์ทโฟน
5.เนื่องจากไร้ปัญหาเรื่องควันรถ ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการเกิดภาวะเรือนกระจกซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดโลกร้อน
6.ระบบการเดินรถเสียงเงียบ ทำให้ลดมลพิษทางเสียงได้ดีกว่า ไม่สร้างการรบกวนต่อผู้อื่น
7.อัตราเร่งดีกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์น้ำมันทั่วไป และยังมีแรงบิดที่ดีกว่าด้วย จึงทำให้ออกตัวได้ง่าย
8.ลดภาระค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา เพราะส่วนประกอบหลักที่จำเป็นต้องดูแลคือมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น ไม่ต้องมีระบบของเหลว ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
9.สามารถติดตั้งเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ เอาไว้ที่บ้านได้ ดังนั้นไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปปั๊มน้ำมัน สามารถชาร์จทิ้งไว้ระหว่างจอดพักข้ามคืนได้
10.ตอบสนองการขับขี่ได้ดี เพราะไม่มีระบบทดเกียร์ ทำให้เร่งความเร็วได้ทันใจตามต้องการ
11.มีความปลอดภัยสูงกว่ารถน้ำมัน ป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เกิดเพลิงไหม้ เพราะในตัวเครื่องไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นวัตถุไวไฟ
12.มีระบบการควบคุมที่ช่วยด้านความปลอดภัยด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เช่น ระบบป้องกันล้อล็อก, ระบบเซ็นเซอร์รอบคัน, ระบบเบรกอัจฉริยะ เป็นต้น
13.ระบบการขับขี่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ทำให้สะดวกในการเดินทางระยะไกล
14.เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้า ไม่เครื่องยนต์ประเภทหม้อน้ำเหมือนรถยนต์ทั่วไป จึงทำให้กระโปร่งด้านหน้ารถมีพื้นที่ว่าง สามารถบรรทุกสัมภาระในการเดินทางได้มากกว่ารถยนต์ทั่วไป

ข้อควรรู้ในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า
1.เนื่องจากความจุของแบตเตอรี่ในรถยนต์ EV แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นแตกต่างกันออกไป ควรศึกษาให้ดี เพราะมีผลต่อระยะทางในการขับขี่
2.เช็คระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเต็ม โดยระยะเวลาก็ขึ้นอยู่กับความจุของแบตฯ ด้วย ซึ่งอาจใช้เวลา 12-18 ชั่วโมง บางรุ่นก็ใช้เวลาสั้นลง ขึ้นอยู่กับตู้ชาร์จ EV ด้วยว่ามีระบบทันสมัยมากน้อยแค่ไหน
3.ควรศึกษาการติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าที่บ้านเอาไว้ด้วย หากจะใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลักในชีวิตประจำวัน เพื่อความสะดวก เพราะมั่นใจได้ว่าหัวชาร์จเข้ากันได้แน่นอนมากกว่าไปลุ้นการชาร์จจากตู้ตามสถานีต่าง ๆ ที่อาจเข้ากันไม่ได้
อันตรายที่ควรระวังในการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามีอะไรบ้าง?
1.เนื่องจากมีเสียงที่เงียบ จนทำให้รถยนต์คันอื่นบนถนนไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีรถอยู่ใกล้ เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้
2.รถยนต์ไฟฟ้าจะมีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์ทั่วไปที่ใช้น้ำมัน เพราะมีแบตเตอรี่เป็นส่วนประกอบหลัก หากเกิดการชนขึ้นมา ความเสียหายจะค่อนข้างรุนแรง
3.ด้วยระบบความเร่งที่แรงรวดเร็วทันใจ หากควบคุมการขับเคลื่อนยังไม่ถนัด เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่า
4.แบตเตอรี่ส่วนใหญ่ออกแบบให้อยู่ด้านล่างของรถยนต์ การควบคุมความเร็วที่ขับเคลื่อนมากกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อาจทำให้เสียการควบคุม และเกิดการชนที่รุนแรงได้
5.หากกดคันเร่งผิดพลาด ด้วยความตกใจหรือการลงน้ำหนักเท้ารุนแรง จะทำให้เกิดแรงบิดเร่งการขับเคลื่อนรถได้ในทันที โอกาสเสี่ยงควบคุมรถไม่ได้ และเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเป็นไปได้สูง
อย่างไรก็ตามรถยนต์ไฟฟ้าถือว่าเป็นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกที่กำลังมาแรง และได้รับความสนใจ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดมากมายที่ยังถกเถียงกันอยู่ แต่เชื่อว่าในอนาคต รถยนต์ EV จะเข้ามาแทนที่การใช้งานรถที่ใช้พลังงานน้ำมัน ทดแทนและช่วยแก้ปัญหามลพิษต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย แม้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีก็ตาม