
เรือดำน้ำคืออะไร มีประโยชน์ ประเภทและอันตรายอะไรบ้าง?
เรือดำน้ำ(submarine) หรือเรือใต้น้ำ คือ เรือรบชนิดหนึ่งที่ใช้ปฏิบัติการใต้ผิวน้ำ โครงสร้างหลักเป็นเหล็ก นำมาใช้ครั้งแรกในช่วงสงคราม และยังถูกนำไปประยุกต์ใช้เป็นเรือสำรวจค้นคว้าทางทะเลลึกที่มนุษย์ไม่สามารถดำลงไปด้วยตัวเองได้
คุณสมบัติหลักของเรือดำน้ำคือการเคลื่อนที่ได้ทั้งบนผิวน้ำและใต้น้ำ ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1620 เป็นยุคของพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ ใช้สำหรับในงานราชการ ออกแบบตามคำอธิบายของนักคณิตศาสตร์ และใช้การพายเพื่อขับเคลื่อน สามารถจุคนได้เพียง 12 คน สามารถดำน้ำได้ลึกเพียง 5 เมตรเท่านั้น ส่วนการเคลื่อนที่ใต้น้ำ ได้ไม่เกิน 8 กิโลเมตร ซึ่งถือว่ามีข้อจำกัดอยู่มาก ต่อมามีการสร้างเรือดำน้ำที่เรียกว่า Turtle ที่แปลว่าเต่า ขึ้นมาใช้งานด้านการทหารเป็นครั้งแรก โครงสร้างเสมือนต้นโอ๊ก ขับเคลื่อนด้วยมือ และจุลูกเรือได้เพียง 1 คนเท่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นเรือดำน้ำที่เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระมากขึ้น
เมื่อเทียบกับในยุคปัจจุบัน เรือดำน้ำถูกพัฒนามากขึ้น ขนาดที่สามารถจุคนได้มากถึง 150 คน และเคลื่อนที่อยู่ใต้น้ำได้นานถึง 30 วัน สามารถอยู่ในน้ำลึกได้มากว่า ส่วนลูกเรือก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ด้วยระบบปรับแรงดันในห้องโดยสาร
ประโยชน์ของเรือดำน้ำ
1.ใช้เพื่อสำรวจทะเลลึกที่เข้าถึงได้ยาก ทำให้มองเห็นท้องทะเลในมุมใหม่ ๆ ที่มนุษย์ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
2.ใช้เพื่อสำรวจซากเรืออับปาง หรือการค้นหาซากเรือโบราณที่เคยสูญหายไปในอดีต และจมอยู่ใต้ท้องทะเลมานานหลายศตวรรษ
3.ใช้ในการเดินสายเคเบิ้ลใต้น้ำ ทำให้การทำงานง่ายยิ่งขึ้น และยังป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับลูกเรือที่ลงไปทำงานภายใต้แรงดันน้ำสูงด้วย
4.ทำหน้าที่เป็นเรือสำรวจเพื่อนำมาประเมินการเกิดแผ่นดินไหว โดยการมองหาร่องรอยเปลือกโลกที่เริ่มแตกร้าว ซึ่งอาจเป็นต้นตอของการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในอนาคตได้
5.สามารถใช้สำรวจค้นหาสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่มีความแปลกใหม่ และการศึกษาเกี่ยวกับชีวิตของสัตว์เหล่านั้นให้มากขึ้น ด้วยการใช้เรือดำน้ำที่อยู่ใต้น้ำได้นานเป็นเดือน ทำให้เก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก
6.เป็นตัวสร้างความได้เปรียบทางการรบ ด้วยเรือดำน้ำที่ออกแบบมาสำหรับปฏิบัติการทางทหาร เคลื่อนที่ใต้น้ำเพื่อป้องกันอันตรายภายในน่านน้ำของประเทศ ป้องกันผู้บุกรุก
7.ใช้เป็นเรือสอดแนมทางทหาร กรณีที่มีเหตุสงคราม ทำให้รู้แผนล่วงหน้าของศัตรู เตรียมตั้งรับได้ทัน
8.สามารถใช้เป็นเรือลำเลียงสินค้า รวมถึงยุทโธปกรณ์ทางทหารหากเกิดสงครามขึ้น การขนย้ายอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านใต้น้ำ ทำให้ปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการถูกโจมตีได้
9.ช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับประเทศ เพราะเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กองทัพมียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยในการใช้งานได้ทันการณ์เมื่อเกิดสงครามขึ้น
10.ใช้สำหรับการค้นหาผู้สูญหายที่อาจเกิดจากเรือล่ม หรือคนที่จมน้ำกลางทะเลลึกที่มีคลื่นแรง เรือดำน้ำจะสามารถทำหน้าที่สแกนค้นหาได้ปลอดภัย และรวดเร็วมากกว่า

ประเภทของเรือดำน้ำมีกี่แบบ?
1.เรือดำน้ำพลังงานดีเซล
เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเรือดำน้ำในยุคแรกสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง การออกแบบจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์และเครื่องยนต์ดีเซล เมื่อลอยตัวอยู่บนผิวน้ำหรือการดำน้ำตื้น พลังงานดีเซลจะถูกนำมาใช้ เป็นกระบวนการเผาไหม้ และมีการออกแบบให้เชื่อมต่อกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพื่อชาร์จแบตเตอรี่เอาไว้ใช้ในกรณีต้องขับเคลื่อนในน้ำลึก ซึ่งไม่สามารถใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่ต้องมีออกซิเจนเป็นตัวจุดระเบิดได้
2.เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์
แหล่งพลังงานหลักมาจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่สร้างให้มีขนาดเล็กลง เพื่อช่วยให้ติดตั้งภายในลำเรือได้ สามารถใช้งานพลังงานชนิดนี้ได้ทั้งบนผิวน้ำและใต้น้ำลึก ด้วยการสร้างความร้อนจนน้ำเดือด เกิดแรงดันไอน้ำ นำไปสู่การขับเคลื่อนของแกนใบพัดเรือ ซึ่งถูกเชื่อมต่อกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เก็บพลังงานไว้อีกต่อในแบตเตอรี่ เพื่อใช้ในอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในเรือ

อันตรายของเรือดำน้ำ
1.ในทางทหาร เรือดำน้ำถือว่าเป็นอันตรายต่อฝ่ายตรงข้าม เพราะอยู่ใต้น้ำลึกและการตรวจจับทำได้ยาก
2.เป็นทั้งเครื่องจักกลที่ใช้ทำลายเรือบนผิวน้ำแบบไม่ทันตั้งตัวได้ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียเปรียบ
3.ใบพัดเรือที่ทำงานอยู่ด้านนอก เป็นภัยต่อสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ การหมุนของน้ำในบริเวณดังกล่าวจะดูดสิ่งมีชีวิตเข้าไปโดนใบพัดเรือ เกิดบาดเจ็บหรือตายได้
4.เป็นตัวก่อมลพิษทางน้ำ ทำให้มีสารพิษและสารเคมีรั่วไหล จากพลังงานขับเคลื่อน โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล
5.การส่งสัญญาณคลื่นใต้น้ำของเรือดำน้ำเป็นอันตรายต่อวาฬ ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ทำให้การสื่อสารถูกรบกวน เข้าใจผิด การสื่อสารระหว่างสิ่งมีชีวิตในระยะไกลด้วยกันเองถูกทำลาย จนมีผลต่อการอยู่รอดตามมา
เรือดำน้ำถือว่าเป็นเครื่องมือที่นิยมใช้งานด้านการทหารเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีการออกแบบเรือขนาดต่าง ๆ กันออกไป มีฟังก์ชันหลากหลาย เพื่อการใช้งานในด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับท้องทะเล ถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญในการทำงาน เสมือนเกราะป้องกันร่างกายมนุษย์ ให้สามารถเดินทางลงไปสู่ท้องทะเลลึกได้อย่างไร้ข้อจำกัด ได้เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และเป็นการนำไปสู่วิธีดูแลรักษาท้องทะเล รวมถึงการปกป้องน่านน้ำของตนเองอีกทางหนึ่ง