เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....
เมล็ดเจีย (Chia seeds) เป็นเมล็ดพืชขนาดเล็กสีดำหรือสีขาว มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโกและกัวเตมาลา เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
คุณค่าทางโภชนาการ
เมล็ดเจียอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญ เช่น
- โอเมก้า-3: เมล็ดเจียเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นไขมันดีที่จำเป็นต่อร่างกาย มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ไฟเบอร์: เมล็ดเจียมีไฟเบอร์สูง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ลดอาการท้องผูก และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- โปรตีน: เมล็ดเจียเป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติหรือผู้ที่ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์
- แคลเซียม: เมล็ดเจียมีแคลเซียมสูงกว่านม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- สารต้านอนุมูลอิสระ: เมล็ดเจียมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย และชะลอความแก่
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
- ช่วยลดน้ำหนัก: ไฟเบอร์ในเมล็ดเจียช่วยให้อิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหาร และช่วยควบคุมน้ำหนัก
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ: โอเมก้า-3 ในเมล็ดเจียช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ไฟเบอร์ในเมล็ดเจียช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- บำรุงกระดูกและฟัน: แคลเซียมและฟอสฟอรัสในเมล็ดเจียช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- บำรุงผิวพรรณ: สารต้านอนุมูลอิสระและโอเมก้า-3 ในเมล็ดเจียช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอย
วิธีรับประทาน
เมล็ดเจียสามารถนำมารับประทานได้หลากหลายวิธี เช่น
- โรยบนสลัด โยเกิร์ต หรือซีเรียล
- ผสมในสมูทตี้หรือน้ำผลไม้
- ทำเป็นพุดดิ้งเจีย
- นำไปแช่น้ำแล้วนำมาใช้แทนไข่ในการทำขนมอบ
ข้อควรระวัง
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร: ควรเริ่มรับประทานเมล็ดเจียในปริมาณน้อยๆ และค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้น เพราะไฟเบอร์สูงอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องเสียได้
- ผู้ที่ทานยาละลายลิ่มเลือด: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเมล็ดเจีย เนื่องจากโอเมก้า-3 อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
เมล็ดเจียเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย และสามารถนำมารับประทานได้ง่าย หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมและปรึกษาแพทย์หากมีข้อสงสัย ก็จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากเมล็ดเจียอย่างเต็มที่