ปะการังคืออะไร มีประโยชน์ การอนุรักษ์และมีอันตรายอะไรบ้าง?
ปะการัง(Coral) หรือเรียกอีกชื่อว่ากะรัง คือ สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ใต้ทะเล จัดอยู่ในกลุ่มแอนโธซัว และถือว่าเป็นดอกไม้ทะเลรูปแบบหนึ่ง มีหลากหลายขนาด ตั้งแต่เล็กจิ๋วไปจนถึงขนาดใหญ่ เกาะกลุ่มกันเป็นโคโลนีจำนวนมาก
ปะการังยังถือว่าเป็นสัตว์ทะเลที่อยู่ในไฟลัม Cnidaria มีเนื้อเยื่อที่อ่อนนุ่ม มักจะมีรูปทรงเป็นทรงกระบอกตั้งขึ้นเหมือนไม้ไผ่ ตรงกลางเป็นปาก และรอบด้านคือหนวด มีความสามารถดึงเอาแคลเซียมคาร์บอเนตที่ผสมอยู่ในน้ำทะเลมาสร้างเป็นโครงสร้างแข็งเพื่อเพิ่มความแข็งแรง และเป็นที่อยู่อาศัย ส่วนอาหารของพวกมันคือปลาและสัตว์ขนาดเล็ก เช่น แลงตอน ที่ว่ายเข้าไปใกล้ พวกมันมีเข็มพิษที่เรียกว่า “เมนาโตซิสต์” ตั้งอยู่บนหนวด และยังได้รับสารอาหารจากสาหร่ายเซลล์เดียว ซึ่งสามารถสังเคราะห์แสงได้ โดยเรียกสาหร่ายเหล่านั้นว่าซูแซนทาลา ช่วยให้ปะการังมีชีวิตและเติบโตในน้ำทะเลที่เติบโตที่ความลึกน้อยกว่า 60 เมตรได้ เป็นจุดที่แสงแดดส่องถึง ทั้งนี้ยังมีการค้นพบปะการังน้ำลึก ซึ่งมีรูปทรงที่ประหลาดตา เหมือนกับสัตว์ต่างดาว ความลึกสุดที่ค้นพบอยู่ที่ 3,000 เมตรเลยทีเดียว
เราอาจเคยเห็นปะการังขนาดใหญ่ และคิดว่าพวกมันเป็นสัตว์ตัวเดี่ยว แต่แท้จริงแล้วบนแท่งปะการังนั้นกลับเต็มไปด้วยสิ่งที่เรียกว่าโฟลิฟ คือเนื้อเยื่อขนาดเล็กของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์รวมตัวกันอยู่ เพื่อสร้างอาณาจักร หาอาหารจากการกินสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กกว่า ภายในเซลล์ของพวกมัน จะมีกระเพาะอาหาร และท่อปล่อยของเสีย การอาศัยแบบรวมตัวอยู่ด้วยกันของปะการัง มีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล และยังมีผลต่อสภาพแวดล้อมในท้องทะเลเป็นอย่างมาก
ประโยชน์ของปะการัง
1.ปะการังมีหน้าที่หลักก็คือช่วยป้องกันไม่ให้แนวฝั่งทะเลถูกกัดเซาะจากเกลียวคลื่นและกระแสน้ำ ด้วยการซับพลังงานให้ที่รุนแรงให้เบาลงเมื่อถึงชายฝั่ง
2.เป็นแหล่งอาหารของสิ่งมีชีวิตในทะเล ซึ่งมักจะมีแพลงตอนเข้ามาอยู่ในบริเวณดังกล่าว ทำให้ปลาและสัตว์ที่กินแพลงตอนเป็นอาหารสามารถใช้ชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยกันได้
3.เป็นแหล่งหลบภัยของปลาจากผู้ล่า เพราะปะการังที่สร้างขึ้นจนเป็นลักษณะโคโลนี จะมีซอกหลืบที่พวกมันสามารถเข้าไปหลบซ่อนได้อย่างปลอดภัย
4.ทำให้ระบบนิเวศน์ในท้องทะเลมีความสมบูรณ์ ยิ่งมีพื้นที่ของปะการังมาก ยิ่งทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตมากขึ้น เพราะเป็นแหล่งชุมชนของสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด เรียกได้ว่าเป็นเหมือนบ้านที่ช่วยหลบภัย และเป็นแหล่งหาอาหารที่สำคัญด้วย
5.เป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่กินปะการัง เช่น ดาวทะเล, หอยฝาเดียว เป็นต้น
6.แนวของปะการังที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นแหล่งกำเนิดทรายที่จะถูกซัดขึ้นมายังช่วยหาด ซึ่งมาจากการกัดกร่อนของโครงสร้างหินปูนที่พวกมันสร้างขึ้น พัดพาขึ้นสู่ผืนน้ำ กลายเป็นเม็ดทรายสีขาวสะอาด
7.เป็นที่อยู่อาศัยของเต่าทะเลชนิดไม่มีกระดูกสันหลัง ซึ่งพวกมันจำเป็นต้องพึ่งพาปะการังอย่างมากเพื่อป้องกันนักล่า
8.ปะการังเป็นที่มาของวัสดุที่ใช้สำหรับการก่อสร้าง ที่มนุษย์นำมาใช้งาน เช่น ปูนขาว, ทราย และกระเบื้อง เป็นต้น
9.เป็นความสวยงามของท้องทะเล สร้างบรรยากาศที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจ ได้ลงไปดำน้ำดูปะการัง สร้างรายได้ให้กับผู้คนในท้องถิ่นได้มีอาชีพ มีรายได้จากการนำทางให้แก่นักท่องเที่ยว
วิธีอนุรักษ์ปะการังในธรรมชาติ
ปัญหาปะการังที่ลดลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน กลายเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางทะเลอย่างหนัก และยังมีผลต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น เสี่ยงที่จะเกิดการสูญพันธุ์ได้มาก การอนุรักษ์ปะการัง จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ระบบนิเวศน์กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งได้
1.หากปะการังเกิดความเสียหายซึ่งมีสาเหตุมาจากธรรมชาติ อย่างปัญหาปะการังฟอกขาว เกิดขึ้นได้จากการที่อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นผิดปกติ อาจต้องใช้ปะการังเทียมไปติดตั้งเพื่อให้เกิดการสร้างปะการังใหม่ขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลา เนื่องจากสภาพอากาศและความเข้มแสงที่มากขึ้น
2.หลีกเลี่ยงการทิ้งขยะเป็นพิษลงในน้ำทะเล เนื่องจากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีความอ่อนไหวต่อสารแปลกปลอม อาจทำให้ปะการังตายได้
3.หากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวดำน้ำดูปะการัง ต้องระมัดระวังไม่ไปเดินเหยียบย่ำ จนทำให้ปะการังหัก
4.ไม่เด็ด หรือตัดเอาปะการังในน้ำขึ้นมา และหากพบการขายปะการังตากแห้ง ไม่ควรซื้อ เพื่อหยุดวงจรการค้าขายเหล่านี้ให้หมดไป
5.กำหนดขอบเขตพื้นที่ของแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลให้ชัดเจน หลีกเลี่ยงในจุดที่มีปะการังอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะจะเป็นการรบกวนสิ่งมีชีวิต และทำให้น้ำทะเลปนเปื้อน
อันตรายของปะการังที่ควรรู้
1.ปะการังเป็นสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่แบบรวมกลุ่มขนาดใหญ่ และบางชนิดมีหนามพิษ ซึ่งหากไปสัมผัสโดน อาจทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง เกิดอาการบวมแดง และเป็นผื่นขึ้นมา หากแพ้พิษด้วยแล้ว เสี่ยงที่จะเกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
2.ปะการังไฟเป็นสิ่งมีชีวิตมีพิษที่ต้องหลีกเลี่ยง แม้จะมีความสวยงาม แต่ห้ามสัมผัสโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดรอยไหม้ ปวดแสบปวดร้อนเหมือนโดนไฟลวก
3.หากว่ายน้ำไปยังพื้นที่ ๆ ปะการัง โดยเฉพาะน้ำตื้น ซึ่งมักจะพบกับปะการังขนนกที่อาศัยอยู่ริมฝั่ง หากสัมผัสโดนจะทำให้พิษเข้าสู่ผิวหนัง ตามมาด้วยอาการคัน และปวดแสบปวดร้อน
การเรียนรู้ และทำความรู้จักพวกมัน จะช่วยทำให้เรารู้วิธีในการอนุรักษ์ เข้าใจประโยชน์ของปะการังกันมากขึ้น เพื่อรักษาความสวยงามอันแสนอัศจรรย์เหล่านี้เอาไว้ให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต