ประกันชีวิตคืออะไร มีประโยชน์ ชนิดและข้อควรระวังอะไรบ้าง?
ประกันชีวิต(Life Insurance) คือ สินค้าชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในกลุ่มสินค้าเพื่อการบริการ ซื้อเพื่อใช้คุ้มครองชีวิต ลดความเสี่ยงค่าเสียหายหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการเกิดภาวะทุพพลภาพ, พิการ หรือเสียชีวิต จะได้รับการชดเชยด้วยเงินตามจำนวนที่ได้ทำสัญญากันเอาไว้ และยังได้รับส่วนของค่าใช้จ่ายสำหรับจัดการพิธีศพ โดยไม่ต้องเป็นภาระของลูกหลานที่ยังมีชีวิตอยู่
การถือกำเนิดขึ้นของประกันชีวิต ที่อยู่ในรูปแบบของบริษัทประกันเริ่มเป็นที่รู้จักกันในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยบริษัทต่างชาติที่เข้ามาเสนอขาย อีกทั้งการตั้งสำนักงานตัวแทนเพื่อขายประกันให้กับคนไทย โดยมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เอกอัครมหาเสนาบดี เป็นคนแรกที่มีกรมธรรม์ แม้ว่าในช่วงนั้นจะยังไม่ได้รับความนิยม แต่หลังจากนั้นมีการก่อตั้งกองประกันภัย สังกัดของกระทรวงพาณิชย์และคมนาคมขึ้นมาในปี พ.ศ. 2472 ธุรกิจชนิดนี้ก็เริ่มได้รับความสนใจแพร่หลาย มีชาวต่างชาติเข้ามาประกอบอาชีพและจัดตั้งบริษัทขึ้นเป็นจำนวนมาก ส่วนบริษัทในนามของคนไทยก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และยังคงได้รับความนิยม จนกลายเป็นหนึ่งในการวางแผนด้านชีวิตและการเงินของผู้คนในยุคปัจจุบันที่ต้องการกระจายความเสี่ยง
ประโยชน์ของประกันชีวิต
1.ช่วยสร้างหลักประกันให้ชีวิตมีความมั่นคง เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผู้ทำประกันเสียชีวิต จะทำให้คนข้างหลังไม่เดือดร้อนด้านการเงิน มั่นใจว่าพวกเขาจะดูแลตัวเองและใช้ชีวิตต่อไปได้โดยไม่ต้องลำบาก
2.เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ส่วนใหญ่พ่อแม่จะทำเอาทิ้งเอาไว้ให้ลูก โดยผู้ที่ทำจะไม่ได้รับเงิน แต่จะเป็นลูกหลานที่ได้รับส่วนนั้นไป
3.เปรียบเสมือนมรดกสำหรับครอบครัวที่สามารถทิ้งเอาไว้ให้ได้หากตัวเองเสียชีวิตไปแล้ว แถมยังเป็นมรดกที่ได้รับการยกเว้นภาษีอีกด้วย
4.ช่วยทำให้เกิดวินัยด้านการออมมากขึ้น เก็บเงินได้จากเดิมที่อาจเป็นคนเก็บเงินไม่อยู่ ด้วยการเลือกซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ที่จะบังคับให้เกิดวินัยด้านการเงินโดยอัตโนมัติ
5.ช่วยลดปัญหาเก็บเงินไม่อยู่ เพราะเมื่อมีการส่งเบี้ยประกันชีวิตไปแล้วจะไม่สามารถถอนออกมาได้ จนกว่าจะถึงกำหนดที่ทำไว้ตามสัญญาในกรมธรรม์
6.เป็นระบบที่ช่วยให้เกิดการแบ่งเบาภาระของครอบครัวเมื่อเกิดการเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุ ไม่สามารถทำงานได้ จะได้รับเงินที่ทำประกันชีวิตเอาไว้มาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในช่วงที่ว่างงาน
7.เป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่มีประโยชน์ สามารถนำมาใช้ประกอบการยื่นเพื่อลดหย่อนภาษีได้
8.หากเป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีภาระค่าใช้จ่าย ประกันชีวิตจะเป็นเงินออมเพื่อการศึกษาให้กับบุตรหลานของผู้เอาประกันในภายภาคหน้า
9.มีทุนสำรองสำหรับเลี้ยงชีพเมื่อต้องกลายเป็นผู้พิการ ไม่สามารถหาเงินได้
10.เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาในโรงพยาบาล เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดปัญหาสุขภาพขึ้นมา โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินของคนอื่น
11.การทำประกันชีวิต คือการช่วยลดความเสี่ยง ไม่ต้องไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นด้านการเงิน และยังช่วยให้เกิดความสบายใจในการใช้ชีวิตมากขึ้นด้วย
ประเภทของประกันชีวิต
1.ประกันชีวิตแบบช่วงระยะเวลา (Term)
ลักษณะสัญญาในกรมธรรม์จะมีอายุที่จำกัด และทำการจ่ายสินไหมให้ในช่วงเวลาที่ครอบคลุม เรียกว่าเป็นการทำประกันที่มีวันหมดอายุ เมื่อครบกำหนดแล้วจะไม่มีเงินคืนให้
2.ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ(Whole life)
เป็นการทำประกันแบบครั้งเดียวจบ คุ้มครองตลอดชีวิต ซึ่งมักจะระบุเอาไว้ที่อายุ 90-99 ปี ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท
3.ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Annuity)
ผู้เอาประกันทำการจ่ายเบี้ยให้กับบริษัทประกันถึงระยะเวลาที่กำหนด จากนั้นทางบริษัทจะทยอยจ่ายเงินคืนกลับมาให้
4.ประกันชีวิตแบบลงทุน (Unit linked)
ได้ทั้งการคุ้มครองและการลงทุนไปในตัว สามารถทำประกันชีวิตพร้อมลงทุนในกองทุนรวมได้ มีการแบ่งย่อยเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่รับได้เพื่อผลตอบแทนด้านการเงินตามที่ต้องการ
5.ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์(Endowment)
รูปแบบของประกันที่มีอายุจำกัด การจ่ายเงินจะมอบให้กับผู้ที่ถูกระบุเอาไว้ว่าจะได้รับผลประโยชน์เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิต อย่างไรก็ตามหากยังมีชีวิตอยู่จนครบกำหนด จะได้รับเงินคืนกลับมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งเพิ่มมากขึ้นจากที่จ่ายไป
ข้อควรระวังในการซื้อประกันชีวิต
1.ดูค่าคุ้มครองและผลประโยชน์ที่จะได้รับให้ดีก่อนที่จะเริ่มต้นทำประกันชีวิต เพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ และความคุ้มค่า
2.อย่าทำประกันโดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลกรมธรรม์มาก่อน หรือการฟังเพียงข้อเสนอจากเซลล์ที่ทำหน้าที่ขายอย่างเดียวเท่านั้น เพราะอาจมีการปิดบังข้อมูลบางส่วนที่ไม่ได้คุ้มครองเอาไว้ ไม่ยอมบอกล่วงหน้า ทำให้เกิดการเสียเปรียบตามมาในอนาคต
3.เช็คให้ดีว่าเราพร้อมจะจ่ายเบี้ยประกันไหวแค่ไหน กับการคุ้มครอง ซึ่งบางประเภทจะมีระยะเวลาที่ชัดเจน หากไม่จ่ายเบี้ยตามกำหนด จะหมดการคุ้มครอง และไม่ได้รับเงินคืนอีกด้วย
อย่างไรก็ตามประกันชีวิตเป็นการวางแผนที่ดีในการใช้ชีวิต แต่กระนั้นก็ควรทำความเข้าใจนำประกันต่าง ๆ มาเปรียบเทียบความคุ้มครองให้ดีก่อนเลือกซื้อ เพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุผิดพลาด หรือถูกเอารัดเอาเปรียบจากบริษัทประกันชีวิต เพราะนี่คือการทำธุรกิจอย่างหนึ่งส่วนประกันคือสินค้า ที่ต้องมีการซื้อขายให้เกิดความคุ้มค่าด้วยกันทั้งสองฝ่าย เรียกได้ว่าถ้าอยากมีการคุ้มครองหรือให้คนอื่นมาช่วยรับความเสี่ยง ก็ต้องจ่ายเงินซื้อมานั่นเอง