
การอ่านคืออะไร มีประโยชน์ เทคนิคและข้อควรระวังอะไรบ้าง?
การอ่าน(Reading) คือ กิจกรรมอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่สืบทอดกันมาจนกลายเป็นวัฒนธรรม ในอดีตการอ่านไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เพราะเป็นเพียงกิจกรรมที่ทำร่วมกับการเขียน อีกทั้งหนังสือแต่ละเล่มในสมัยก่อนกว่าจะผลิตออกมาได้แต่ละเล่ม จึงถูกจำกัดอยู่แค่ในกลุ่มคนชั้นสูง เนื่องจากมีราคาแพง และยังต้องเข้าใจภาษา การสะกดคำด้วย จึงจะทำให้อ่านได้อย่างเข้าใจ
ในอดีตหนังสือแต่ละเล่มจะใช้วิธีคัดด้วยลายมือเท่านั้น ไม่มีเทคโนโลยีการพิมพ์ที่รวดเร็วเหมือนในปัจจุบัน และลายมือที่อ่านยาก จนกลายเป็นอุปสรรคของการอ่าน กระทั่งมีการคิดค้นแท่นพิมพ์หนังสือแท่นแรกของโลกขึ้นมา ราว 500 ปีก่อน การอ่านจึงเริ่มต้นได้รับความนิยม ซึ่งมีจุดกำเนิดอยู่ในโลกตะวันตก หนังสือแพร่หลายออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วเข้าสู่เมืองไทยราว 100 ปีหลังจากนั้น จากเดิมที่ใช้การฟังเพียงอย่างเดียว ผู้คนก็เริ่มสนใจการอ่านหนังสือ พยายามแสวงหาความรู้ ความบันเทิงจากสื่อสิ่งพิมพ์ชนิดนี้ ก่อนที่โทรทัศน์และสื่อช่องทางอื่นจะเข้ามา ทำให้ผู้คนอ่านหนังสือกันน้อยลง แต่อย่างไรก็ตามการอ่านถือว่ามีความสำคัญต่อชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างมาก ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ทำให้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารบางอย่างที่เข้าถึงยาก ได้พัฒนาสมอง ทันต่อเหตุการณ์ และยังช่วยพัฒนาความรู้ความสามารถไปในตัว
ประโยชน์ของการอ่าน
1.ช่วยฝึกสมองให้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งต่าง ๆ เพียงอย่างเดียวได้นานขึ้น แม้ว่าจะเต็มไปด้วยสิ่งเร้ารอบด้านก็ตาม
2.กระตุ้นการทำงานของสมอง การอ่านคือการใช้สมองสะกดคำ ทำความเข้าใจ และคิดจินตนาการตาม ทำให้เซลล์สมองทำงาน สุขภาพดี เรียกได้ว่าเป็นการออกกำลังกายสมองอย่างหนึ่ง
3.หนังสือช่วยผ่อนคลายความเครียดและทำให้จิตใจสุขสงบมากขึ้นภายหลังจากการทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน ด้วยการอ่านหนังสือดี ๆ สักเล่มที่ชอบ จะทำให้รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกที่เงียบสงบ
4.การอ่านเป็นเสมือนการเปิดรับความรู้ใหม่ เพิ่มเติมจากสิ่งที่รู้อยู่แล้ว ยิ่งอ่านมากก็ยิ่งทำให้รู้มากขึ้น ได้เปรียบคนอื่นในการศึกษาพัฒนาตัวเอง
5.เป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารให้ดีขึ้นกว่าเดิม ยิ่งอ่านหนังสือมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ชีวิตมีแง่คิด มีการใช้เหตุและผลมากกว่าอารมณ์
6.กระตุ้นการคิดวิเคราะห์ โดยเฉพาะเมื่อเผชิญปัญหาต่าง ๆ ซึ่งนำมาใช้จากการอ่านหนังสือ เช่น การวิเคราะห์หาตัวคนร้าย, การเก็บข้อมูลรายละเอียด เป็นต้น
7.ทำให้ได้เรียนรู้คำศัพท์แปลกใหม่ที่อาจไม่เคยเห็นหรือไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตามาก่อน นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
8.การอ่านหนังสือที่มีแรงบันดาลใจอยู่ด้านใน เป็นเหมือนแรงผลักดันช่วยให้กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาและแก้ไขได้ด้วยสติปัญญาอย่างเงียบสงบ ไม่กระวนกระวาย
9.ได้สัมผัสเรื่องราวที่อ่านจากหนังสือ เมื่อวางหนังสือลงแล้ว ความรู้สึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็ยังคงหลงเหลืออยู่ หากพบเจอสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกัน จะช่วยให้คุณเชื่อมโยงกับสิ่งเหล่านั้นได้ เข้าใจสิ่งรอบตัวมากกว่าเดิม
7.การอ่านเปรียบเสมือนการทำสมาธิ ทำให้สมองปลอดโปร่งจากความวุ่นวาย และวางความคิดที่เต็มไปด้วยความกังวลลงไปชั่วขณะ
8.การอ่านทำให้พูดคุยกับคนอื่นได้รู้เรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องที่คุณและพวกเขาสนใจ
9.ทำให้เป็นคนทันโลก ทันเหตุการณ์ เพราะปัจจุบันที่เทคโนโลยีอยู่ในมือ สามารถอ่านจากหนังสือ หรือผ่านช่องทางสมาร์ทโฟน โซเชียลมีเดียทดแทนได้
10.ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ มากกว่าการนอนดูโทรทัศน์ หรือเล่นมือถือ

เทคนิคอ่านให้เข้าใจและจำได้ดี
1.การเริ่มต้นอ่านแบบผ่าน ๆ หรือที่เรียกว่า Survey ซึ่งคือการอ่านที่ย่อหน้าแรก และย่อหน้าสุดท้าย พลิกดูหัวข้อในสารบัญและคำนำ ซึ่งช่วยให้เห็นภาพรวมว่ากำลังจะอ่านหนังสือเกี่ยวกับอะไร เนื้อหาเป็นไปในทิศทางไหน
2.หากมีข้อสงสัย ให้ลองตั้งคำถามที่เป็นประโยชน์กับหัวข้อนั้น เช่น การนำเอาข้อแนะนำเหล่านี้ไปใช้ได้แบบไหนบ้าง ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจดจำเนื้อหาได้ดี เพราะการมีคำถามอยู่ในใจ จะทำให้โฟกัสกับการหาคำตอบ มีสมาธิอยู่กับการอ่านมากขึ้น
3.จดบันทึกหรือขีดเส้นในส่วนที่สำคัญ เพื่อช่วยให้คุณกลับมาอ่านซ้ำใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยไม่ต้องคอยเปิดหา และการทำไฮไลท์แบบนี้เอาไว้ สมองจะจดจำเนื้อหาสำคัญนั้นได้ง่ายขึ้นด้วย
4.หากเป็นส่วนเนื้อหาที่มีประโยชน์ ให้พยายามนึกตามในใจว่าอ่านอะไรไปแล้ว มีการเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่กำลังอ่านอยู่อย่างไรบ้าง เพื่อให้รู้ว่าส่วนไหนที่เข้าใจ และส่วนไหนที่ไม่เข้าใจ จะได้ย้อนกลับไปอ่านทบทวนอีกรอบ
5.เมื่ออ่านจบแล้วให้ลองทบทวนในสิ่งที่อ่านไปทั้งหมด เหมือนสรุปเนื้อหาให้กับตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจดจำที่ดี นำไปใช้ประโยชน์ในระยะยาวได้โดยไม่ลืม
ข้อควรระวังในการอ่าน
1.ควรอ่านหนังสือเงียบ ๆ ในใจ ไม่อ่านออกเสียง หากพื้นที่บริเวณนั้นมีคนอื่นอยู่ด้วย เช่น ห้องสมุด, ร้านกาแฟ, ร้านอาหาร เป็นต้น
2.หลีกเลี่ยงการอ่านในที่ ๆ มีแสงสว่างไม่เพียงพอ เพราะจะทำให้เกิดอาการป่วยเมื่อยล้าดวงตา และดวงตาเสื่อมสภาพตามมา
3.ไม่ควรอ่านหนังสือสลับกับการเล่นมือถือไปด้วย เพราะจะทำให้ไม่มีสมาธิ อ่านหนังสือไม่เข้าหัว
การอ่านเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านาน ก่อนหนังสือเล่มแรกจะถือกำเนิดขึ้นบนโลก ดังนั้นกิจกรรมนี้ถือว่าเป็นตัวช่วยให้สมองได้รับการพัฒนา และยังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตได้อย่างที่คนส่วนใหญ่คาดไม่ถึง