
ประเพณีลอยกระทง เป็นประเพณีที่สำคัญของไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติ หรือเดือนพฤศจิกายนตามปฏิทินสุริยคติ โดยมีจุดประสงค์หลักคือ การขอขมาพระแม่คงคา เพื่อแสดงความสำนึกในบุญคุณของน้ำ และขออภัยที่อาจทำให้แหล่งน้ำไม่สะอาด
นอกจากนี้ ยังมีความเชื่ออื่นๆ อีก เช่น
- การสะเดาะเคราะห์: เชื่อว่าเป็นการลอยทุกข์โศก โรคภัย และสิ่งไม่ดีออกไป
- การบูชาพระพุทธบาท: บางตำนานกล่าวว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมแม่น้ำนัมมทานทีในอินเดีย
- การบูชาพระเกศแก้วจุฬามณี: ซึ่งเป็นพระเกศาของพระพุทธเจ้าที่บรรจุไว้บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
กิจกรรมในประเพณีลอยกระทง
- การทำกระทง: นิยมทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตอง ดอกไม้ ตกแต่งด้วยธูปเทียน
- การลอยกระทง: นำกระทงไปลอยในแม่น้ำลำคลอง พร้อมอธิษฐานขอพร
- กิจกรรมอื่นๆ: เช่น การประกวดกระทง การแสดงดนตรี การเล่นเกม การจุดพลุ และการปล่อยโคมลอย
ความสำคัญของประเพณีลอยกระทง
ประเพณีลอยกระทง ไม่เพียงแต่เป็นประเพณีที่สวยงาม แต่ยังมีคุณค่าต่อบุคคล ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เช่น การสืบสานวัฒนธรรม การส่งเสริมการท่องเที่ยว การสร้างความสามัคคี และการตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ

ความเป็นมาของประเพณีลอยกระทง
ประเพณีลอยกระทงมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและเชื่อมโยงกับทั้งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาพุทธ โดยมีการผสมผสานกันระหว่างความเชื่อทางศาสนากับวัฒนธรรมพื้นบ้านของคนไทย ประวัติความเป็นมาของประเพณีลอยกระทงสามารถอธิบายได้ดังนี้:
1. ต้นกำเนิดจากอินเดีย
ประเพณีลอยกระทงมีรากฐานมาจากวัฒนธรรมอินเดียโบราณที่เกี่ยวข้องกับการบูชาน้ำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเคารพสายน้ำและธรรมชาติ ประเพณีนี้เกี่ยวพันกับศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยเป็นการบูชาเทพเจ้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เช่น พระแม่คงคา ซึ่งเป็นเทพีแห่งสายน้ำ การบูชาน้ำมีจุดมุ่งหมายเพื่อขอพรให้สายน้ำอุดมสมบูรณ์ ช่วยเหลือการเกษตร และเพื่อชำระล้างสิ่งไม่ดีต่างๆ
2. การรับวัฒนธรรมเข้าสู่ไทย
เมื่อศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเผยแพร่เข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย วัฒนธรรมการบูชาน้ำนี้ก็ได้รับการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยสุโขทัย การลอยกระทงได้ถูกปรับใช้เพื่อเป็นการบูชาพระพุทธเจ้าและขอขมาต่อแม่น้ำที่ใช้ทำมาหากิน รวมถึงเป็นการบูชาพระแม่คงคาตามความเชื่อดั้งเดิม
3. สมัยสุโขทัยและตำนานนางนพมาศ
ในสมัยกรุงสุโขทัย ประเพณีลอยกระทงมีการกล่าวถึงในวรรณกรรมโบราณที่สำคัญคือ “ตำนานนางนพมาศ” หรือ “ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์” ซึ่งเล่าเรื่องราวของนางนพมาศ ข้าราชบริพารในราชสำนักสุโขทัยที่เป็นผู้ริเริ่มการประดิษฐ์กระทงดอกบัวถวายพระร่วงเจ้า เพื่อบูชาพระพุทธเจ้าและขอขมาต่อแม่น้ำ ถือเป็นตำนานที่เชื่อว่าคือจุดเริ่มต้นของประเพณีลอยกระทงในแบบไทยๆ
4. ความเชื่อทางศาสนาพุทธ
ในศาสนาพุทธ มีความเชื่อว่าการลอยกระทงเป็นการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญ เช่น
- การบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที (แม่น้ำในอินเดีย)
- การแสดงความขอบคุณต่อพระพุทธเจ้าที่ทรงเทศนาธรรมแก่เหล่าเทวดา นอกจากนี้ยังมีการขอขมาต่อแม่น้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคตลอดปี
5. ประเพณีท้องถิ่นไทย
ในอดีต ประเพณีลอยกระทงได้แพร่หลายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และได้รับการปฏิบัติในแต่ละพื้นที่ด้วยลักษณะเฉพาะของตน เช่น ในภาคเหนือมี “ยี่เป็ง” เป็นประเพณีลอยโคม ส่วนในภาคกลางจะลอยกระทงในแม่น้ำลำคลอง ในแต่ละท้องถิ่นยังมีการจัดงานเฉลิมฉลองพร้อมการละเล่นพื้นบ้านและกิจกรรมต่างๆ เช่น การประกวดกระทง การแสดงดนตรีพื้นบ้าน
6. พัฒนาการสู่ปัจจุบัน
ในปัจจุบัน ประเพณีลอยกระทงยังคงมีความสำคัญทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของประเทศไทย นอกจากจะเป็นการสืบทอดประเพณีโบราณแล้ว ยังมีการเพิ่มกิจกรรมบันเทิงต่างๆ เช่น การจุดพลุ การประกวดนางนพมาศ การแสดงทางวัฒนธรรม และการแสดงดนตรี นอกจากนี้ยังมีการรณรงค์ให้ใช้กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ประเพณีลอยกระทงจึงเป็นสัญลักษณ์ของการขอบคุณธรรมชาติ สายน้ำ และเป็นการสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยกับธรรมชาติและศาสนามาอย่างยาวนาน