ผ้าอ้อมสำเร็จรูปคืออะไร มีประโยชน์ วิธีใช้งาน และอันตรายอะไรบ้าง?
ผ้าอ้อมสำเร็จรูป(Disposable diapers) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวก รองรับของเหลวที่เป็นปัสสาวะและอุจจาระในเด็กทารกหรือเด็กเล็ก ไปจนถึงผู้ใหญ่ หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ผ้าอ้อมสำเร็จรูปมักจะมีโครงสร้างที่เป็นชั้นหรือแผ่นกันน้ำและของเหลว ช่วยดูดซับและควบคุมการรั่วไหลของน้ำเหลวออกมาจากผ้าอ้อม โดยส่วนใหญ่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปนี้ทำจากวัสดุสังเคราะห์ เช่น พลาสติกแบบไม่ย่อยสลาย ที่มีความสามารถในการเก็บของเหลวได้เป็นเวลานาน การใช้งานนิยมใช้ในการดูแลทารกหรือเด็กเล็ก เพราะมีความสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน สามารถใส่และถอดได้สะดวก เป็นทางเลือกสำหรับผู้ดูแล คุณพ่อและแม่ที่ต้องการให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัว
ย้อนกลับไปในอดีตยุคแรกเริ่มที่ผ้าอ้อมถือกำเนิดขึ้น มาจากผ้าทั่วไปที่ใช้แล้วนำกลับมาซักใหม่ เป็นต้นกำเนิดสู่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปชิ้นแรกของโลก ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า “แพมเพิร์ส” เปิดตัวเมื่อปี ค.ศ.1961 โดย Procter & Gamble คิดค้นโดยนักวิจัยของบริษัท P&G พัฒนาแผ่นซึมซับโดยออกแบบให้ชั้นนอกสุดเป็นพลาสติกป้องกันการไหลออกมาเปรอะด้านนอก ถือว่าเป็นยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรมผ้าอ้อมด้วยการมอบทางเลือกที่สะดวก แทนผ้าอ้อมแบบเก่า เพราะเป็นชนิดใช้แล้วทิ้ง ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการพัฒนาและออกแบบผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้มีคุณสมบัติในการใช้งานที่ดีขึ้น ดูดซับได้มาก แต่มีความบาง ระบายอากาศได้ดี และทำให้เกิดความรู้สึกสบายตัว รองรับสรีระได้พอดี พร้อมระบบป้องกันการรั่วซึมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประโยชน์ของผ้าอ้อมสำเร็จรูป
1.ช่วยซึมซับความเปียกชื้นและป้องกันการรั่วซึมของเหลวเมื่อลูกน้อยขับถ่ายออกมา ไม่ให้เปื้อนเสื้อผ้าที่สวมใส่ชั้นนอกสุด
2.สามารถพาลูกน้อยที่ยังอยู่ในวัยทารกออกไปเดินเที่ยวในพื้นที่สาธารณะได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการขับถ่าย เพราะผ้าอ้อมสำเร็จรูปจะช่วยป้องกันไม่ให้ของเหลวและกลิ่นอันไม่พึงประสงค์เล็ดลอดออกมาได้
3.ไม่ต้องเสียเวลากับการทำความสะอาด เพราะเป็นประเภทใช้แล้วทิ้ง ไม่ต้องนำมาซักล้างให้เสียเวลา สามารถเก็บทิ้งได้ง่าย เปลี่ยนผืนใหม่ได้รวดเร็ว
4.ในยุคปัจจุบันผ้าอ้อมสำเร็จรูปมีความบางเบา แต่ซึมซับได้ดีกว่ายุคก่อน ทำให้พกติดกระเป๋าเอาไปไว้เปลี่ยนให้ลูกน้อยได้ง่าย โดยไม่รู้สึกเกะกะ
5.สามารถใช้งานสำหรับผู้ป่วยหรือผู้พิการให้สามารถขับถ่ายได้สบายตัว ด้วยการเลือกขนาดที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่
6.ด้วยการผลิตจากเส้นใยในปัจจุบัน ทำให้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสามารถดูดซับได้อย่างหมดจรด ผิวแห้งสะอาด ลดการเกิดผดผื่นที่ผิวหนังบริเวณดังกล่าวได้ดี
7.ใช้เป็นผ้าซับน้ำที่หกบนพื้นได้อย่างรวดเร็วในยามฉุกเฉิน ด้วยคุณสมบัติของเส้นใยที่ดูดซึมได้ดี
8.สามารถนำเอามาตัดเป็นแผ่นเพาะปลูกเมล็ดพืชได้ เพราะอุ้มน้ำได้ดี ทำให้มีความชื้นเพียงพอต่อการงอกของต้นอ่อน
9.ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่ยังไม่ถูกใช้งาน นำมาใช้เป็นที่ห่อวัตถุที่เป็นแก้ว ช่วยกันกระแทกได้ในกรณีฉุกเฉินได้
วิธีใช้งานผ้าอ้อมสำเร็จรูป
ขั้นตอนในการใช้และเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้ถูกวิธี มีดังนี้
1.ทำการเตรียมผ้าอ้อมสำเร็จรูป และผ้าสะอาดสำหรับใช้ทำความสะอาดผิวของลูกน้อยเอาไว้ให้เรียบร้อย เพื่อความสะดวกในการจัดการ และป้องกันไม่ให้ลูกน้อยคลาดสายตา
2.ล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดทั้งสองข้างก่อนเปลี่ยนผ้าอ้อมผืนใหม่ทุกครั้ง
3.ขณะเปลี่ยนผ้าอ้อมผืนเก่าออก ให้ใช้มือข้างใดข้างหนึ่งจับขาของเด็กทารกเอาไว้ทั้งสองข้างแล้วยกขึ้นเบา ๆ จากนั้นดึงแถบกาวและถอดผ้าอ้อมออกอย่างระมัดระวัง
4.ส่วนด้านหน้าของผ้าอ้อมผืนเก่าสามารถเช็ดทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นของเด็กทารกได้ ให้เช็ดอย่างเบา ๆ จากด้านหน้าไปด้านหลัง แล้วตามด้วยผ้าขนหนูที่เตรียมไว้ ชุบน้ำพอหมาด แล้วเช็ดทำความสะอาดอีกครั้งในลักษณะเดียวกัน
5.ซับก้นและจุดซ่อนเร้นของเด็กทารกให้แห้งด้วยผ้าอีกผืน จากนั้นทาครีมป้องกันผดผื่นตามลงไป
6.จับขาทั้งสองข้างของเด็กทารกยกขึ้นเหมือนตอนถอดออก แต่ให้สวมผ้าอ้อมที่เตรียมไว้สอดไปที่ใต้ลำตัว แล้วพับผ้าอ้อมให้ทบมาด้านหน้า
7.วางขาของลูกน้อยลง แล้วดึงแถบกาวมาติดกันให้กระชับแต่ไม่ควรแน่นเกินไป สามารถเช็คได้ด้วยการสอดนิ้วมือระหว่างเอวลูกน้อยให้สามารถสอดเข้าไปได้พอดี จะช่วยไม่ให้เด็กรู้สึกอึดอัด ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
อันตรายที่ควรระวังจากผ้าอ้อมสำเร็จรูป
1.ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่ไม่ได้มาตรฐานอาจผลิตจากวัสดุที่เป็นอันตรายต่อผิว เสี่ยงเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงตามมา
2.หากสวมใส่ผ้าอ้อมรัดแน่นจนเกินไป จะทำให้ผิวเสียดสีกับวัสดุจนเกิดเป็นแผลผุพอง ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกแสบร้อนอยู่ตลอดเวลา
3.การสวมใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปผืนเดิมตลอดทั้งวัน มีโอกาสที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อไปยังทางเดินปัสสาวะ จากความชื้น และสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ภายใน
การใช้งานผ้าอ้อมสำเร็จรูป ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ควรใส่ใจกับเรื่องความสะอาด คุณภาพ และการเลือกขนาดที่เหมาะสม ศึกษารายละเอียดการใช้งานให้ดี เพื่อการสวมใส่ที่สบายตัว ทำให้เกิดความคล่องแคล่วในการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะในผู้ใหญ่ที่ต้องสวมใส่ออกไปข้างนอก จะทำให้รู้สึกมั่นใจ และกล้าออกจากบ้านมากขึ้น