ผ้าอนามัยคืออะไร มีประโยชน์ เทคนิคการใช้งานและอันตรายอะไรบ้าง?
ผ้าอนามัย(Sanitary napkins) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ดูดซับประจำเดือนและป้องกันการรั่วไหล ไม่ให้เลอะออกมาภายนอก เรียกอีกอย่างว่าแผ่นอนามัย จะเริ่มใช้ในผู้หญิงที่เริ่มมีประจำเดือน ซึ่งคือวัยเจริญพันธุ์นั่นเอง โดยการออกแบบเพื่อให้ง่ายต่อการสวมใส่ภายใต้ชุดชั้นใน มีแกนที่นุ่ม สามารถดูดซับเลือดประจำเดือนได้ดี
ลักษณะของผ้าอนามัยจะประกอบด้วยวัสดุหลายชั้น ซึ่งชั้นบนสุดจะเป็นส่วนที่อ่อนนุ่มเพราะสัมผัสโดยตรงกับผิวหนัง มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวแห้งสบาย ส่วนดูดซับด้านในจะทำจากวัสดุประเภทเซลลูโลส สามารถดูดซับและกักเก็บของเหลวประจำเดือนได้อย่างรวดเร็ว ส่วนชั้นล่างมักเป็นชั้นกันน้ำที่ป้องกันการรั่วซึมและทำให้ชุดชั้นในแห้งอยู่เสมอ
ก่อนที่แผ่นอนามัยจะถือกำเนิดขึ้น ผู้หญิงใช้วัสดุหลายอย่างเช่น ผ้า เศษผ้า หรือแม้กระทั่งตะไคร่น้ำในการจัดการกับการไหลของประจำเดือน ซึ่งวัสดุเหล่านี้ต้องล้างและนำกลับมาใช้ใหม่ แน่นอนว่าทำให้เกิดความไม่สะดวกสบายและมักมีผลต่อสุขลักษณะอนามัย เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายอีกด้วย
ผ้าอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งชิ้นแรกที่เรารู้จักในปัจจุบัน ถูกคิดค้นโดยบริษัทชื่อ Kimberly-Clark ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในปี ค.ศ.1921 พวกเขาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า “Kotex” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สำคัญในการจัดการสุขอนามัยประจำเดือน แผ่นรอง Kotex ทำจากเซลลูคอตตอน(cellucotton) ซึ่งเป็นวัสดุดูดซับสูงที่ได้จากเยื่อไม้
ผ้าอนามัยมีให้เลือกหลายขนาด ทั้งระดับความยาวและความหนา เพื่อรองรับปริมาณเลือดที่ออกมาแตกต่างกันในแต่ละคน ซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่สะดวกในการใช้งานสำหรับผู้หญิง ช่วยให้จัดการกับประจำเดือนได้ดี ใช้ชีวิตได้ปกติ ช่วยรักษาสุขอนามัยส่วนตัวให้สะอาดอยู่เสมอ ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์จำเป็นและมีความสำคัญสำหรับผู้หญิงทั่วโลก แม้แต่ในพื้นที่ทุรกันดาร
ประโยชน์ของผ้าอนามัย
1.ช่วยดูแลสุขลักษณะอนามัยในช่วงที่ผู้หญิงมีประจำเดือน ป้องกันไม่ให้เลือดประจำเดือนไหลออกมาเปรอะเปื้อนกับเครื่องแต่งกายภายนอก
2.เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน และจำเป็นต้องออกไปข้างนอก การสวมใส่แผ่นอนามัย จะช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ
3.เนื่องจากประจำเดือนจะมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ การสวมใส่ผ้าอนามัยช่วยลดกลิ่นเหล่านี้ รวมถึงกลิ่นอับ ไม่ต้องรู้สึกกังวลเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
4.ช่วยทำให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้นในช่วงมีประจำเดือน เพราะแผ่นอนามัยจะดูดซับเลือดเหล่านั้นกักเก็บเอาไว้ในชั้นด้านล่าง ไม่รู้สึกอับชื้น
5.แม้จะเป็นช่วงไม่มีประจำเดือนก็สามารถนำมาใช้งานได้ เพราะผู้หญิงอาจมีการปัญหาเรื่องตกขาว ซึ่งผ้าอนามัยจะช่วยซับให้รู้สึกแห้งสะอาดได้ตลอดทั้งวัน
6.ลดการเปื้อนของคราบเลือดที่ชุดชั้นใน ซึ่งมักจะทำความสะอาดได้ยาก ยิ่งแผ่นอนามัยมีขนาดที่พอดีกับสรีระและปริมาณประจำเดือนมากเท่าไหร่ ยิ่งลดโอกาสการเปื้อนได้มากขึ้นตามมา
7.สวมใส่ผ้าอนามัยเพื่อป้องกันอาการปัสสาวะเล็ดสำหรับคนที่มีอาการป่วย หรือมีภาวะผิดปกติจากการรับประทานยา แทนการใส่แพมเพิสที่ดูเทอะทะได้
8.ผ้าอนามัยใหม่ ยังไม่ได้ผ่านการใช้งาน สามารถนำมาใช้ซับน้ำบนพื้นในกรณีฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9.เป็นอุปกรณ์ปฐมพยาบาลยามเบื้องต้นในยามฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี เพราะหากเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้มีบาดแผลเลือดออกมาก สามารถใช้แผ่นอนามัยซับเลือดที่ไหล และกดบาดแผล ช่วยให้เลือดหยุดไหลได้
10.เนื่องจากผ้าอนามัยเก็บน้ำได้ดี ดังนั้นสามารถเอามาใช้เป็นแผ่นสำหรับเพาะเมล็ดพันธุ์ได้ ด้วยการวางเมล็ดที่ต้องการเพาะเอาไว้ด้านบน แล้วพรมน้ำสะอาดลงไป ก็จะช่วยให้เมล็ดงอกเป็นต้นอ่อนสำหรับนำไปขยายพันธุ์ต่อได้
เทคนิคใช้ผ้าอนามัยให้ถูกสุขลักษณะ
1.ไม่ควรใช้แผ่นผ้าอนามัยผืนเดียวสวมใส่ตลอดทั้งวัน ควรเปลี่ยนทุก ๆ 3-4 ชั่วโมง หรือน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณประจำเดือน ยิ่งมาก ยิ่งต้องเปลี่ยนใหม่บ่อย เพื่อช่วยป้องกันการอับชื้นและอาการระคายเคืองผิว
2.เมื่อต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยควรล้างมือให้สะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคปนเปื้อนไปสัมผัสยังผิวหนังและผ้าด้านบน เมื่อเปลี่ยนเสร็จแล้วก็ควรล้างมือเพื่อสุขลักษณะอนามัยอีกครั้ง
3.เลือกใช้ผ้าอนามัยที่รองรับกับสรีระ ซึมซับได้ดี และมีขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน
4.ผ้าอนามัยที่ใช้แล้วควรม้วนและห่อกระดาษให้มิดชิด ก่อนทิ้งลงในถังขยะ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรีย และกลิ่นอันไม่พึงประสงค์
อันตรายจากการใช้ผ้าอนามัย
1.การสวมใส่ผ้าอนามัยแผ่นเดียวตลอดทั้งวัน หรือนานกว่านั้น เสี่ยงที่จะทำให้จุดซ่อนเร้นติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง จนต้องเข้ารับการรักษาได้เลยทีเดียว
2.หากสวมใส่ผ้าอนามัยที่ไม่สะอาด และนำไปสู่การติดเชื้อ สามารถรุนแรงถึงขั้นที่เชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือด กลายเป็นความเจ็บป่วยรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
3.บางคนที่มีผิวแพ้ง่าย อาจแพ้วัสดุที่ใช้ผลิตผ้าอนามัย จนทำให้เกิดผดผื่น อาการแสบร้อน ผิวลอกเป็นขุย
ผ้าอนามัยถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะดวกสบายและการดูแลในช่วงนั้นของเดือนให้ถูกสุขลักษณะ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความมั่นใจ ลดปัญหาเรื่องสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นบริเวณจุดซ่อนเร้นให้น้อยลงอีกด้วย ทำให้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้กลายเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างกำไรอย่างมากมาย เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงที่ต้องใช้งานในทุก ๆ เดือนอย่างขาดไม่ได้
ข้อเสียของการไม่ใส่ผ้าอนามัย
การไม่ใส่ผ้าอนามัยในช่วงมีประจำเดือนอาจส่งผลเสียต่อสุขอนามัยและความสะดวกสบายได้ ดังนี้
ด้านสุขอนามัย:
- เสี่ยงต่อการติดเชื้อ: ประจำเดือนเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเชื้อแบคทีเรีย หากไม่ใส่ผ้าอนามัย ประจำเดือนจะสัมผัสกับผิวหนังโดยตรง ทำให้เกิดความอับชื้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอด
- เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์: ประจำเดือนที่สัมผัสกับอากาศอาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ
- เลอะเทอะเสื้อผ้า: ประจำเดือนที่ออกมามากอาจเลอะเทอะเสื้อผ้า ทำให้ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อยๆ ซึ่งอาจไม่สะดวก
ด้านความสะดวกสบาย:
- รู้สึกไม่สบายตัว: ประจำเดือนที่เปียกชื้นอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว อับชื้น และเหนียวเหนอะหนะ
- ไม่มั่นใจในการทำกิจกรรม: อาจทำให้ไม่มั่นใจในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การออกกำลังกาย หรือการเข้าสังคม เพราะกลัวประจำเดือนจะเลอะเทอะ
ข้อควรพิจารณา:
- ปริมาณประจำเดือน: หากมีประจำเดือนออกน้อย อาจใช้ผ้าอนามัยแบบสอด หรือถ้วยอนามัยแทนได้ ซึ่งอาจช่วยลดความอับชื้นได้
- ความสะดวก: หากไม่สะดวกเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ อาจเลือกใช้ผ้าอนามัยแบบกลางคืน หรือแบบมีปีก เพื่อป้องกันการเลอะเทอะ
อย่างไรก็ตาม การใส่ผ้าอนามัยเป็นประจำในช่วงมีประจำเดือนยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาสุขอนามัยและความสะดวกสบาย
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในช่วงมีประจำเดือน สามารถปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรได้