
ประโยชน์ของบัวหิมะ สรรพคุณ และอันตรายที่ควรรู้!
บัวหิมะเป็นพืชที่มีประโยชน์หลากหลาย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Smallanthus sonchifolius (Poepp.) H. Rob ส่วนชื่อสามัญเรียกกันทั่วไปว่า Yacon, Argonne, Ground ginseng fruit หรือ Daisy potato แต่นิยมใช้คำว่า Yacon ซึ่งเป็นชื่อเรียกในเชิงของสมุนไพรมากกว่า จัดอยู่ในวงศ์ ASTERACEAE ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ของพระเจ้า นิยมนำเอาส่วนหัวหรือรากมารับประทาน มีรสชาติหวานเล็กน้อย มีความหอมและสดชื่น นอกจากนี้ยังนิยมเอาไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อีกเป็นจำนวนมาก
ส่วนประกอบของต้นบัวหิมะ
ส่วนประกอบของบัวหิมะตามหลักพฤกษศาสตร์ มีรายละเอียดดังนี้
- ลำต้น
ลำต้นของบัวหิมะจะอยู่ใต้ดิน เพราะเป็นพืชล้มลุก ซึ่งจะมีการแทงเหง้าขึ้นมาเหนือดิน เจริญเติบโตได้สูงราว 2-3 เมตร มีสีเขียวเป็นทรงกลม พื้นผิวมีขนอ่อนปกคลุม ลักษณะเหมือนต้นทานตะวัน - ดอก
ลักษณะของดอกเป็นดอกเดี่ยวเช่นเดียวกัน ออกดอกราว 4-5 ดอกในต้นเดียว มีความสวยงามคล้ายดอกต้นทานตะวัน ออกดอกที่ปลายยอดสุด กลีบดอกสีเหลือง เกสรสีเหลืองอยู่ตรงกลาง และมีก้านรองรับอีกที ส่วนของกลีบเลี้ยงจะเป็นสีเขียว มีขนอ่อนปกคลุม - ใบ
เป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่ รูปทรงเหมือนหัวใจ สีเขียวสด และจะเจริญเติบโตในลักษณะเรียงสลับใบกัน โคนใบจะกว้าง ส่วนปลายเรียวแหลม ขอบจะเป็นรอยเว้ามีหยักตื้น ส่วนของก้านใบยาว ที่ใบจะมีครีบสีขาวยาวขนานไปกับก้าน และมีขนปกคลุมทั่วทั้งใบ - ผล
ผลของบัวหิมะคือส่วนหัวที่อยู่ใต้ดิน จะหมายถึงรากหรือหัว และเป็นส่วนที่นำมารับประทาน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้าน มีรูปทรงคล้ายหัวมันเทศ เปลือกสีน้ำตาลบาง รสชาติภายในหวานฉ่ำ - เมล็ด
เมล็ดของบัวหิมะจะอยู่เป็นกระจุกที่ฐานดอก สีน้ำทรงรีขนาดเล็ก ผิวเรียบและมีความเป็นมันวาว - ราก
การเจริญเติบโตของรากเป็นระบบรากฝอย กระจายตัวในแนาวกว้าง โดยรอบ ๆ ของรากคือส่วนหัวที่นำมาใช้ประโยชน์และรับประทานสดนั่นเอง

ประโยชน์และสรรพคุณของบัวหิมะ
1.บัวหิมะมีสรรพคุณเป็นยา ด้วยสารอาหารหลากหลายชนิดที่สะสมอยู่ในหัว ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน, แร่ธาตุ คาร์โบไฮเดรต และอื่น ๆ อีกมากมาย
2.บัวหิมะถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในครีมทาผิว ที่เรียกกันว่า “ครีมบัวหิมะ” ซึ่งมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนแผลที่โดนไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวก มีฤทธิ์เย็น จึงช่วยทำให้อาการดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดแผลเป็น ทำให้แผลสดแห้งไว
3.หัวของบัวหิมะมีรสชาติหวานฉ่ำ และหอม เนื้อสัมผัสกรอบอร่อย สามารถนำมารับประทานแทนของหวานได้ดี สำหรับคนที่ลดน้ำหนักหรือต้องการควบคุมน้ำตาล เพราะมีพลังงานน้อย
4.ช่วยลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์และคลอเลสเตอรอลได้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ปัญหาความอ้วนหรือไขมันสูง
5.แม้จะเป็นพืชที่มีรสหวาน แต่กลับสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เพราะความหวานมาจากสารที่เรียกว่าอินูลิน เป็นน้ำตาลธรรมชาติ ช่วยให้ระบบร่างกายคุมน้ำตาลได้ดีขึ้นอีกด้วย
6.มีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง หรือการกลายพันธุ์ของเซลล์ที่ผิดปกติ ด้วยการรับประทานหัวบัวหิมะเป็นประจำในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยต้านมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7.ภายในบัวหิมะมีแบคทีเรียที่ดีในกลุ่มพรีไบโอติกส์ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูก หรือขับถ่ายไม่ดี ซึ่งนอกจากแบคทีเรีย ในบัวหิมะยังมีไฟเบอร์ที่ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ดีขึ้นได้
8.เนื่องจากบัวหิมะมีสารต้านอนุมุลอิสระและมีกรดอะมิโนที่มีประโยชน์ จึงนำมาแปรรูปเป็นครีมบำรุงผิว ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
9.การรับประทานบัวหิมะในรูปแบบชา จะช่วยกำจัดสารพิษตกค้างในร่างกาย โดยเฉพาะสารเคมีที่มีความเข้มข้นมาก ช่วยให้ร่างกายมีการปรับสมดุล
10.ดอกของบัวหิมะเป็นส่วนที่นำมาใช้ทำเป็นยาบำรุงและใช้รักษาโรคต่าง ๆ ตามหลักแพทย์แผนจีน
11.ช่วยแก้กระหายน้ำได้ ด้วยการนำหัวมารับประทานสด ช่วยให้สดชื่น ป้องกันภาวะขาดน้ำ
อันตรายหรือข้อควรระวังในการกินหรือใช้บัวหิมะ
1.การรับประทานหัวของบัวหิมะแบบสด ๆ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นหากรับประทานครั้งแรก ต้องระมัดระวังไม่ให้มากเกินไป เพื่อเช็คดูว่ามีภาวะแพ้หรือไม่
2.หากรับประทานเกินพอดี จะทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือท้องเสีย จนทำให้รู้สึกไม่สบายตัว
3.หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการรับประทานบัวหิมะสด ๆ เพราะเสี่ยงที่ลูกน้อยจะท้องเสียจากสารที่ส่งต่อมาในน้ำนมเอาได้
4.ครีมบัวหิมะอาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ดังนั้นควรเริ่มต้นทาเพียงเล็กน้อยก่อน เพื่อเช็คดูว่าตนเองมีอาการแพ้ใด ๆ เกิดขึ้นที่บริเวณผิวหนังหรือไม่
5.หากทำความสะอาดบัวหิมะไม่ดีพอ อาจทำให้ร่างกายได้รับเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในดินเข้าไปเมื่อกินหัวสด เสี่ยงที่จะเกิดภาวะอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย และอาเจียนรุนแรง ตามมาด้วยภาวะติดเชื้อได้
บัวหิมะเป็นพืชกินหัวที่มีประโยชน์ และถือว่าเป็นยาสมุนไพรสำหรับชาวจีน ไม่เพียงการรับประทานสดเท่านั้น แต่ยังถูกนำไปแปรรูปให้กลายเป็นชา และครีมทาบำรุงผิว และยาทาสำหรับแผลสด แผลไฟไหม้ และเป็นยาแต้มสิว ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดี ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ