พลังงานทดแทนคืออะไร มีประโยชน์ ประเภทและอันตรายอะไรบ้าง?
พลังงานทดแทน(Renewable energy) คือ พลังงานทางเลือก สามารถใช้แทนพลังงานจากแหล่งพลังงานธรรมชาติ เช่น แสงอาทิตย์ ลม น้ำ ความร้อนจากภูเขาไฟฟ้าธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งการใช้งานพลังงานทดแทนมีประโยชน์ในหลายด้าน เช่น ลดการใช้งานและการระบายมลพิษจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ลดความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม และลดต้นทุนในการผลิตพลังงาน
นอกจากนี้ การใช้งานพลังงานทดแทนยังช่วยลดการติดสภาพภูมิอากาศโลกโดยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ทำให้เกิดการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การพัฒนาและการใช้งานพลังงานทดแทนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาในการวางแผนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการพัฒนาทางเทคโนโลยีในปัจจุบันและอนาคต
การถือกำเนิดขึ้นของพลังงานชนิดนี้มาจากการพัฒนาและวิจัยของนักวิทยาศาสตร์และเหล่าวิศวกรจากทั่วโลกมายาวนานหลายสิบปี เพราะเล็งเห็นว่าในอนาคต พลังงานหลักที่มีจะเริ่มขาดแคลน จึงพยายามหาพลังงานจากแหล่งอื่นเข้ามาช่วยทดแทน เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน และเพื่อลดความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซพิษ และมลภาวะทางน้ำและอากาศ
ในปัจจุบันพลังงานทดแทนยังมีอีกหลากหลายที่ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง ยังไม่ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง เพราะด้วยความซับซ้อนในการใช้งาน และปริมาณของพลังงานที่ได้ออกมายังไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานในวงกว้าง
ประโยชน์ของพลังงานทดแทน
1.ใช้เป็นพลังงานทางเลือกในยุคที่พลังงานหลักเริ่มขาดแคลน เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานน้ำ และพลังงานลม
2.การใช้พลังงานทดแทนจะมีก๊าซพิษ และมลพิษน้อยกว่า เมื่อเทียบกับพลังงานฟอสซิล ดังนั้นจึงช่วยลดภาวะโลกร้อน และปัญหาเรือนกระจก เพราะไม่มีการเผาไหม้ ไม่จำเป็นต้องใช้เชื้อเพลิง
3.ช่วยลดค่าใช้จ่ายภายในที่พักอาศัย โดยเฉพาะการหันมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ หรือที่รู้จักกันว่า “พลังงานโซล่าเซลล์” ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าภายในบ้านได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากแหล่งผลิตหลัก
4.ช่วยดูแลเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อมีการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น ก็จะช่วยเรื่องสภาพแวดล้อมที่สะอาด เป็นจุดเด่นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาพักผ่อนเพื่อสัมผัสอากาศบริสุทธิ์
5.ช่วยรักษาระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติไม่ให้ถูกทำลาย เพราะไม่ต้องขุดเจาะ หรือต้องรุกล้ำทำลายป่ามาเป็นเชื้อเพลิง
6.ช่วยลดความสิ้นเปลืองของทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป อย่างเชื้อเพลิงที่ได้จากฟอสซิล ทดแทนด้วยการใช้พลังงานลม และพลังงานน้ำ ซึ่งมีระบบไหลเวียน ไม่สูญหาย สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
7.ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ เมื่อสามารถผลิตพลังงานทดแทนได้มากพอ จึงไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้า แถมยังส่งออกไปขายในประเทศอื่น ๆ ได้อีกด้วย
8.เป็นการช่วยให้สิ่งมีชีวิตบนโลกได้รับผลกระทบน้อยที่สุดในการใช้พลังงาน ชะลอการเกิดภาวะโลกร้อน ทำให้ชีวิตมนุษย์และสัตว์อื่น ๆ ดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข และยืนยาวมากขึ้นได้
9.พลังงานทดแทนจะไม่มีวันหมดไป ดังนั้นจึงสามารถนำมาใช้ได้ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาความขาดแคลนในอนาคต
10.เมื่อลงทุนกับพลังงานทดแทนแล้ว ไม่นานก็สามารถคืนทุนได้ ไม่เพียงช่วยสร้างรายได้ ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมากเลยทีเดียว
ประเภทของพลังงานทดแทน
พลังงานทดแทนสามารถหาได้จากหลากหลายแหล่งในธรรมชาติ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ดังนี้
1.พลังงานทดแทนที่ใช้แล้วหมดไป(Depletable Renewable Energy)
พลังงานทดแทนที่ใช้แล้วหมดไป หมายถึงพลังงานที่มาจากแหล่งที่จะสูญเสียไปในอนาคต แม้ว่าแหล่งพลังงานเหล่านี้จะสามารถทดแทนได้ แต่เมื่อถูกใช้งานจนสูญเสียไปแล้ว จะต้องใช้เวลานานกว่าจะสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้อีก เช่น พลังงานจากขยะ, พลังงานถ่านหิน, พลังงานก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น
2.พลังงานระบบหมุนเวียน(Cyclic Renewable Energy)
พลังงานระบบหมุนเวียน หมายถึงพลังงานที่มาจากแหล่งที่เป็นระบบหมุนเวียน และจะไม่สูญเสียไปในอนาคต เช่น พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม และพลังงานน้ำ แหล่งพลังงานเหล่านี้มีความสามารถในการสร้างพลังงานอย่างต่อเนื่อง สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีการเก็บสะสมพลังงานที่ได้จากแหล่งกำเนิดเอาไว้ เพื่อใช้ในยามจำเป็นได้อีกด้วย
อันตรายที่ควรระวังจากการใช้พลังงานทดแทน
1.แม้การใช้พลังงานทดแทนจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และยังมีจุดเด่นช่วยลดมลพิษ แต่กระนั้นก็ยังมีขยะที่เกิดขึ้นได้ หากจัดการไม่เหมาะสม เสี่ยงที่จะปะปนกับแหล่งธรรมชาติ โดยเฉพาะแม่น้ำ กลายเป็นขยะเน่าเสียตามมา
2.การใช้พลังงานทดแทนอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่าและพืช เนื่องจากต้องใช้พื้นที่สำหรับการสร้างสิ่งก่อสร้างและติดตั้งอุปกรณ์การผลิตพลังงาน ซึ่งอาจส่งผลต่อชีวิตของสัตว์ป่าและพืช
3.หากไม่มีความเข้าใจมากพอ พลังงานเหล่านี้อาจปล่อยสารพิษออกมา โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานกับอุปกรณ์ผลิต เสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว
4.พลังงานทดแทนบางชนิดอาจไม่ใช่พลังงานสะอาด 100% ดังนั้นหากจัดการได้ไม่ดี จะทำให้เกิดอันตรายที่รุนแรงมากกว่าพลังงานหลักได้ เช่น พลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งการก่อสร้างแหล่งผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เกิดการรั่วไหล ระเบิด ปล่อยกัมมันตภาพรังสีออกมา ทำให้บริเวณพื้นที่นั้น ๆ ไม่สามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้อีกต่อไป
จะเห็นได้ว่าพลังงานทดแทนคือทางเลือกสำหรับยุคที่พลังงานหลักเริ่มขาดแคลน แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างจริงจังมากนัก เนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างมีราคาสูง จึงนิยมใช้งานแค่ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงด้านต้นทุน และความสามารถในการให้พลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต