เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....
น้ำปลา คือ เครื่องปรุงรสที่ได้จากการหมักปลาหรือส่วนของปลากับเกลือ เป็นของเหลวสีน้ำตาลอำพัน มีรสเค็มและกลิ่นเฉพาะตัว นิยมใช้ปรุงแต่งกลิ่นรสของอาหารในหลายประเทศทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม และฟิลิปปินส์
น้ำปลา มีส่วนประกอบหลักคือ
- ปลา: มักใช้ปลาขนาดเล็ก เช่น ปลากะตัก หรือส่วนของปลาที่เหลือจากการแปรรูป
- เกลือ: ช่วยในการถนอมอาหารและดึงน้ำออกจากปลา ทำให้เกิดกระบวนการหมัก
- แบคทีเรีย: ทำหน้าที่ย่อยสลายโปรตีนในปลาให้กลายเป็นกรดอะมิโน ซึ่งเป็นสารที่ให้รสชาติกลมกล่อมและกลิ่นหอมเฉพาะตัวของน้ำปลา
ประโยชน์ของน้ำปลา
น้ำปลาไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องปรุงรสที่ช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้อาหารเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพและการประกอบอาหารอีกด้วย ดังนี้
ประโยชน์ต่อสุขภาพ:
- แหล่งโปรตีนคุณภาพสูง: น้ำปลาอุดมไปด้วยโปรตีนที่ย่อยง่าย ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย
- มีกรดอะมิโนที่จำเป็น: น้ำปลามีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วน โดยเฉพาะไลซีน (Lysine) ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้และต้องได้รับจากอาหาร
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: น้ำปลามีวิตามินบี12 ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและระบบภูมิคุ้มกัน
- ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน: น้ำปลามีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการสร้างและบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
ประโยชน์ในการประกอบอาหาร:
- เพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม: น้ำปลาช่วยเพิ่มรสชาติความเค็ม กลมกล่อม และกลิ่นหอมเฉพาะตัวให้อาหาร ทำให้อาหารมีรสชาติอร่อยยิ่งขึ้น
- ใช้แทนเกลือ: น้ำปลาสามารถใช้แทนเกลือในการปรุงอาหารได้ ซึ่งช่วยลดปริมาณโซเดียมที่ได้รับ
- ใช้หมักเนื้อสัตว์: น้ำปลาช่วยให้เนื้อสัตว์นุ่มและมีรสชาติอร่อยขึ้น
- ใช้ทำน้ำจิ้ม: น้ำปลาเป็นส่วนผสมสำคัญในการทำน้ำจิ้มต่างๆ เช่น น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มแจ่ว
ข้อควรระวัง:
- ผู้ที่เป็นโรคไตหรือความดันโลหิตสูง: ควรระมัดระวังในการบริโภคน้ำปลา เนื่องจากมีปริมาณโซเดียมสูง
- ผู้ที่แพ้อาหารทะเล: ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำปลา
ถึงแม้ว่าน้ำปลาจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้