การเตรียมอาหารสำรองสำหรับช่วงน้ำท่วมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ การเข้าถึงอาหารสดอาจเป็นไปได้ยาก ดังนั้น การมีอาหารสำรองที่เก็บได้นานและพร้อมรับประทานจะช่วยให้คุณและครอบครัวอยู่รอดได้
หลักการเลือกอาหารสำรอง:
- ไม่เน่าเสียง่าย: เลือกอาหารที่เก็บได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น เช่น อาหารกระป๋อง, อาหารแห้ง, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, นมยูเอชที, ธัญพืช, ถั่ว, ผลไม้แห้ง, น้ำผึ้ง
- ให้พลังงานสูง: เลือกอาหารที่มีแคลอรีสูงและสารอาหารครบถ้วน เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานเพียงพอในสถานการณ์ที่ตึงเครียด
- พร้อมรับประทานหรือปรุงง่าย: เลือกอาหารที่สามารถรับประทานได้ทันที หรือปรุงสุกได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย เช่น อาหารกระป๋องที่เปิดได้ง่าย หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เพียงเติมน้ำร้อนก็รับประทานได้
- คำนึงถึงความชอบและข้อจำกัด: เลือกอาหารที่สมาชิกในครอบครัวชอบและสามารถรับประทานได้ หากมีผู้ที่มีข้อจำกัดด้านอาหาร เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ที่แพ้อาหาร ควรเลือกอาหารที่เหมาะสมกับพวกเขาด้วย
วิธีการเก็บอาหารสำรอง:
- บรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท: เก็บอาหารในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิทและกันน้ำได้ เพื่อป้องกันความชื้นและแมลง
- จัดเก็บในที่สูงและแห้ง: เก็บอาหารในที่สูงและแห้ง เพื่อป้องกันน้ำท่วมและความเสียหาย
- ตรวจสอบวันหมดอายุสม่ำเสมอ: ตรวจสอบวันหมดอายุของอาหารเป็นประจำ และหมุนเวียนอาหารโดยนำอาหารที่ใกล้หมดอายุก่อนมาบริโภคก่อน
- เตรียมอุปกรณ์สำหรับประกอบอาหาร: เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการประกอบอาหาร เช่น เตาแก๊สปิกนิก, ถ่าน, ไม้ขีดไฟ, มีด, ช้อน, ส้อม, จาน
ข้อควรระวัง:
- อย่ากักตุนอาหารมากเกินไป: ซื้ออาหารสำรองในปริมาณที่เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในครอบครัวและระยะเวลาที่คาดว่าจะเกิดน้ำท่วม
- ระวังอาหารที่ปนเปื้อนน้ำท่วม: หากอาหารสัมผัสกับน้ำท่วม ควรทิ้งทันที เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
นอกจากอาหารแล้ว อย่าลืมเตรียมน้ำดื่มสะอาดให้เพียงพอด้วย โดยคำนวณจากปริมาณ 3 ลิตรต่อคนต่อวัน
การเตรียมอาหารสำรองไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้คุณและครอบครัวมีความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมได้อย่างมั่นใจ และลดความกังวลเรื่องการขาดแคลนอาหารในช่วงวิกฤต