แบตเตอรี่บวมเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์อันตรายที่ต้องทิ้งอย่างถูกวิธีเพื่อความปลอดภัยและป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ต่อไปนี้เป็นวิธีทิ้งแบตเตอรี่บวมที่ถูกต้อง:
1. หยุดใช้งานอุปกรณ์และถอดแบตเตอรี่ (ถ้าทำได้):
หากแบตเตอรี่บวมอยู่ในอุปกรณ์ ให้หยุดใช้งานอุปกรณ์นั้นทันที และถอดแบตเตอรี่ออกหากสามารถทำได้อย่างปลอดภัย ถ้าไม่สามารถถอดได้ ให้นำอุปกรณ์ทั้งเครื่องไปทิ้ง
2. ป้องกันแบตเตอรี่:
- ใส่ถุงพลาสติกหรือห่อด้วยกระดาษ: เพื่อป้องกันแบตเตอรี่สัมผัสกับโลหะหรือวัตถุอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดประกายไฟ
- ติดป้ายเตือน: เขียนหรือติดป้ายบนถุงหรือห่อกระดาษว่า “แบตเตอรี่บวม” หรือ “ขยะอิเล็กทรอนิกส์อันตราย” เพื่อให้ผู้ที่พบเห็นทราบ
3. นำไปทิ้งในจุดรับทิ้งที่เหมาะสม:
- จุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์: หลายๆ องค์กรและบริษัทมีจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ เช่น AIS, True, หรือร้านค้าที่ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- ศูนย์รีไซเคิล: บางเมืองหรือเทศบาลอาจมีศูนย์รีไซเคิลที่รับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงแบตเตอรี่
- ร้านซ่อมโทรศัพท์: บางร้านซ่อมโทรศัพท์อาจรับทิ้งแบตเตอรี่เก่าหรือเสีย
ข้อควรระวัง:
- อย่าทิ้งแบตเตอรี่บวมในถังขยะทั่วไป: เพราะอาจทำให้เกิดไฟไหม้หรือระเบิดได้
- อย่าพยายามเจาะ ดัด หรือเผาแบตเตอรี่: การกระทำเหล่านี้อาจทำให้แบตเตอรี่ระเบิดหรือสารเคมีรั่วไหล
- อย่าเก็บแบตเตอรี่บวมไว้ในบ้านเป็นเวลานาน: ควรนำไปทิ้งโดยเร็วที่สุด
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- คุณสามารถค้นหาจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ใกล้บ้านได้ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น “E-Waste Thailand”
- หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับวิธีทิ้งแบตเตอรี่บวม สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากร้านค้าที่ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง
การทิ้งแบตเตอรี่บวมอย่างถูกวิธีเป็นการช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม