
หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดสำหรับคนรักสุขภาพ คือ “วิตามินที่ซื้อมา ต้องกินตอนไหนถึงจะดีที่สุด?” กินก่อนอาหาร, หลังอาหาร, พร้อมอาหาร, ตอนท้องว่าง หรือก่อนนอน?
ความจริงก็คือ “ไม่มีคำตอบเดียวที่ถูกต้องสำหรับวิตามินทุกชนิด”
เวลาที่เหมาะสมในการรับประทานวิตามินนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของวิตามิน, การดูดซึมของร่างกาย, และผลกระทบต่อร่างกาย บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจทั้งหมด เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากวิตามินที่รับประทานครับ
กฎทองข้อที่ 1: แยกประเภท “วิตามิน” ก่อน
สิ่งแรกที่ต้องรู้คือ วิตามินแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก และมีวิธีกินที่แตกต่างกันชัดเจน
1. วิตามินที่ละลายในไขมัน (Fat-Soluble Vitamins)
- ได้แก่: วิตามิน A, D, E, K
- กฎคือ: ต้องกิน “พร้อม” หรือ “หลัง” มื้ออาหาร (ที่มีไขมัน)
- ทำไม? ตามชื่อเลยครับ วิตามินกลุ่มนี้ต้องการ “ไขมัน” จากอาหารเป็นตัวช่วยในการดูดซึม หากคุณกินตอนท้องว่าง ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมวิตามินเหล่านี้ไปใช้ได้เลย หรือดูดซึมได้น้อยมาก
- คำแนะนำ: ควรกินพร้อมมื้ออาหารที่มีไขมันดี เช่น มื้อเช้าที่มีไข่, อะโวคาโด หรือมื้อเย็นที่มีปลา, ถั่ว, น้ำมันมะกอก ไม่จำเป็นต้องเป็นมื้อใหญ่ แต่ขอให้มีไขมันเป็นส่วนประกอบ
2. วิตามินที่ละลายในน้ำ (Water-Soluble Vitamins)
- ได้แก่: วิตามิน C และ วิตามิน B รวม (B1, B2, B3, B5, B6, B7, B9-Folic Acid, B12)
- กฎคือ: กิน “ตอนท้องว่าง” (ก่อนอาหาร 30 นาที หรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง)
- ทำไม? ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินกลุ่มนี้ได้โดยตรงด้วยน้ำ และร่างกายไม่สามารถเก็บสะสมวิตามินกลุ่มนี้ไว้ได้นาน (ส่วนเกินจะถูกขับออกทางปัสสาวะ) การกินตอนท้องว่างจะทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุดโดยไม่มีอาหารอื่นมารบกวน
- ข้อยกเว้น (สำคัญมาก): วิตามิน C มีความเป็นกรดสูง และวิตามิน B รวม มักทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ หรือระคายเคืองกระเพาะอาหารเมื่อกินตอนท้องว่าง
- คำแนะนำเชิงปฏิบัติ: หากคุณกินวิตามิน C หรือ B รวม ตอนท้องว่างแล้วรู้สึกไม่สบายท้อง ให้เปลี่ยนไปกิน “พร้อม” หรือ “หลัง” อาหารมื้อเช้าทันที แม้การดูดซึมอาจลดลงเล็กน้อย แต่ก็ดีกว่าการทนฝืนจนรู้สึกไม่สบายครับ

เจาะลึกรายตัว: วิตามินและแร่ธาตุยอดนิยม กินตอนไหนดี?
เมื่อเรารู้กฎหลักแล้ว มาดูรายละเอียดของวิตามินและแร่ธาตุยอดนิยมอื่นๆ กันครับ
1. วิตามินบีรวม (B-Complex)
- เวลาที่ดีที่สุด: ตอนเช้า (พร้อมอาหารเช้า หรือหลังอาหารเช้า)
- เหตุผล: วิตามิน B มีบทบาทสำคัญในการ “สร้างพลังงาน” (เปลี่ยนอาหารเป็นพลังงาน) การกินตอนเช้าจะช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าตลอดวัน และการกินพร้อมอาหารเช้าจะช่วยลดอาการคลื่นไส้ที่อาจเกิดขึ้นได้
2. วิตามินซี (Vitamin C)
- เวลาที่ดีที่สุด: กินเวลาไหนก็ได้ แต่แนะนำให้ “แบ่งโดส”
- เหตุผล: ร่างกายดูดซึมวิตามิน C ได้จำกัดในแต่ละครั้ง หากคุณกินโดสสูง (เช่น 1,000 มก.) ในครั้งเดียว ร่างกายอาจดูดซึมได้แค่ครึ่งเดียว ที่เหลือจะถูกขับออก
- คำแนะนำ: หากคุณกิน 1,000 มก. ให้แบ่งเป็น 500 มก. ตอนเช้า และ 500 มก. ตอนเย็น และควรกินพร้อมอาหารเพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
3. ธาตุเหล็ก (Iron)
- เวลาที่ดีที่สุด (ทางทฤษฎี): ตอนท้องว่าง
- เวลาที่ดีที่สุด (ทางปฏิบัติ): พร้อมอาหาร (แต่ต้องเลือก)
- เหตุผล: ธาตุเหล็กดูดซึมได้ดีที่สุดตอนท้องว่าง แต่ก็เป็นแร่ธาตุที่ “ทำให้คลื่นไส้และท้องผูก” มากที่สุดเช่นกัน
- คำแนะนำ: หากกินตอนท้องว่างไม่ไหว ให้กินพร้อมอาหาร แต่ “ห้าม” กินพร้อมนม, แคลเซียม, ชา หรือ กาแฟ เพราะจะขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กอย่างรุนแรง
- เคล็ดลับ: กินธาตุเหล็กพร้อม “วิตามิน C” (เช่น น้ำส้ม) จะช่วยเพิ่มการดูดซึมได้ดีมาก
4. แคลเซียม (Calcium)
- เวลาที่ดีที่สุด: พร้อมอาหารเย็น หรือ ก่อนนอน (และควรแบ่งโดส)
- เหตุผล: แคลเซียมชนิด “คาร์บอเนต” (Calcium Carbonate) ซึ่งเป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด ต้องการกรดในกระเพาะอาหารเพื่อช่วยดูดซึม จึงควรกินพร้อมอาหาร
- คำแนะนำ: ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีครั้งละไม่เกิน 500-600 มก. หากคุณต้องกิน 1,000 มก. ให้แบ่งกิน 2 มื้อ (เช่น เช้า-เย็น)
5. แมกนีเซียม (Magnesium)
- เวลาที่ดีที่สุด: ก่อนนอน
- เหตุผล: แมกนีเซียมมีคุณสมบัติช่วย “ผ่อนคลาย” กล้ามเนื้อและระบบประสาท การรับประทานแมกนีเซียมก่อนนอนจึงเป็นที่นิยมมาก เพราะช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้นและลึกขึ้น

ตอนไหนที่ “ไม่ควร” กินวิตามิน?
การจับคู่วิตามินผิด หรือกินผิดเวลา อาจทำให้เสียประโยชน์ได้
- ห้ามกินแร่ธาตุเหล่านี้พร้อมกัน:
- แคลเซียม (Calcium), ธาตุเหล็ก (Iron), และ สังกะสี (Zinc)
- ทำไม? แร่ธาตุ 3 ตัวนี้ “แย่งกันดูดซึม” ในร่างกาย หากกินพร้อมกันในปริมาณสูง จะไม่มีตัวไหนดูดซึมได้ดีเลย
- ทางแก้: ควรกินแยกมื้อกัน เช่น แคลเซียมพร้อมอาหารเช้า, สังกะสีพร้อมอาหารกลางวัน และธาตุเหล็กก่อนนอน
- ไม่ควรกินวิตามิน B ตอนกลางคืน:
- ดังที่กล่าวไป วิตามิน B ช่วยสร้างพลังงาน สำหรับบางคน การกินวิตามิน B ตอนดึกอาจรบกวนการนอนหลับ หรือทำให้รู้สึกตื่นตัวได้
- ห้ามกินวิตามินที่ละลายในไขมัน (A, D, E, K) ตอนท้องว่าง:
- เป็นการเสียเงินเปล่าประโยชน์ เพราะร่างกายดูดซึมไม่ได้
- ห้ามกินวิตามินกับยาบางชนิด (สำคัญที่สุด):
- นี่คือข้อที่อันตรายที่สุด เช่น วิตามิน K (พบในวิตามินรวม) สามารถต้านฤทธิ์ยาละลายลิ่มเลือด (เช่น Warfarin) ได้
- แคลเซียม หรือ ธาตุเหล็ก อาจขัดขวางการดูดซึมยาปฏิชีวนะบางชนิด หรือยาไทรอยด์
- ทางแก้: หากคุณมีโรคประจำตัวและต้องกินยา “ต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร” ทุกครั้งก่อนเริ่มกินวิตามินหรืออาหารเสริมใดๆ
บทสรุปง่ายๆ สำหรับการกินวิตามิน
- ตอนเช้า (พร้อมอาหาร): วิตามิน B รวม, วิตามิน C (หากระคายเคืองกระเพาะ), ธาตุเหล็ก (หากท้องว่างไม่ไหว)
- พร้อมมื้ออาหาร (ที่มีไขมัน): วิตามิน A, D, E, K และ แคลเซียม
- ตอนท้องว่าง: วิตามินที่ละลายในน้ำ (B, C) (หากทนไหว), ธาตุเหล็ก (หากทนไหว)
- ก่อนนอน: แมกนีเซียม

และสุดท้าย กฎที่สำคัญที่สุดคือ “อ่านฉลาก” ผลิตภัณฑ์แต่ละยี่ห้ออาจมีคำแนะนำเฉพาะที่แตกต่างกัน และ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อให้แน่ใจว่าวิตามินนั้นจำเป็นสำหรับคุณและไม่ตีกับยาที่คุณใช้อยู่ครับ



