
การนำเงินเข้าและออกประเทศไทยมีกฎหมายควบคุม เพื่อป้องกันการฟอกเงินและการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ หลัก ๆ แล้วแบ่งเป็นการนำเงินบาทไทย และเงินตราต่างประเทศ ดังนี้
1. การนำเงินบาทไทยเข้า-ออกประเทศไทย
- นำเข้า: ไม่จำกัดจำนวนเงินบาทไทยที่นำเข้ามาในประเทศ
- นำออก: บุคคลธรรมดาหรือนักท่องเที่ยวสามารถนำเงินบาทไทยออกนอกประเทศได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อคนต่อครั้ง ยกเว้นการนำออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์, มาเลเซีย, เวียดนาม และมณฑลยูนนานของจีน) สามารถนำออกได้ไม่เกิน 2,000,000 บาทต่อคนต่อครั้ง แต่หากเกิน 450,000 บาท ต้องสำแดงรายการเงินต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ ด่านศุลกากร
2. การนำเงินตราต่างประเทศเข้า-ออกประเทศไทย
- นำเข้า: ไม่จำกัดจำนวนเงินตราต่างประเทศที่นำเข้ามาในประเทศ (ธนบัตรหรือเหรียญกษาปณ์) แต่หากมีมูลค่ารวมกันเกินกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า ต้องสำแดงรายการเงินต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ ด่านศุลกากร
- นำออก: ไม่จำกัดจำนวนเงินตราต่างประเทศที่นำออกนอกประเทศ (ธนบัตรหรือเหรียญกษาปณ์) แต่หากมีมูลค่ารวมกันเกินกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า ต้องสำแดงรายการเงินต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ ด่านศุลกากร
สิ่งสำคัญที่ต้องจำ:
- การสำแดงรายการเงิน: หากนำเงินเข้าหรือออกเกินกว่าจำนวนที่กำหนด ต้องกรอกแบบฟอร์มสำแดงรายการเงินต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร หากไม่สำแดงหรือสำแดงเท็จ อาจมีความผิดทางอาญา
- วัตถุประสงค์การนำเงินเข้า-ออก: หากนำเงินเข้า-ออกจำนวนมาก อาจต้องชี้แจงวัตถุประสงค์ในการนำเงินเข้า-ออก เช่น เพื่อการลงทุน, ค่ารักษาพยาบาล, เป็นต้น
- กฎหมายอื่นๆ: นอกจากกฎหมายศุลกากรแล้ว อาจมีกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นต้น
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ควรสอบถามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น
- กรมศุลกากร: www.customs.go.th
- ธนาคารแห่งประเทศไทย: www.bot.or.th
หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป กฎหมายและระเบียบต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ก่อนเสมอ